ศาลแพ่งยกฟ้อง “กองทัพบก” ไม่ต้องชดใช้เงินคดีวิสามัญ “ชัยภูมิ” ชาวลาหู่ เชื่อคนตายเอี่ยวค้ายา แถมขว้างระเบิดใส่ทหารเปิดทางหนี
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 ที่ห้องพิจารณา 503 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ พ2591/2562 ที่นางนาปอย ป่าแส มารดาของนายชัยภูมิ ป่าแส ชาวชนเผ่าลาหู นักกิจกรรมทางสังคม เป็นโจทก์ฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลย เรื่องละเมิด เรียกค่าสินไหมทดแทน
กรณีเมื่อปี 60 เจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดกองทัพบก ได้วิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ผู้ตาย ที่บริเวณ ด่านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาใหจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ด้วย
โดยวันนี้ นางนาปอย ได้เดินทางมาพร้อม นายไมตรี จำเริญสุขสกุล ผู้ก่อตั้งกลุ่มกิจกรรมเพื่อสังคมรักษ์ลาหู่ ผู้ดูแลนายชัยภูมิ, นายปรีดา นาคผิว ทนายความจากมูลนิธิ ผสานวัฒนธรรม และ ผู้เกี่ยวข้อง
ด้านนายไมตรี เปิดเผยความรู้สึกก่อนขึ้นฟังคำพิพากษาว่า ที่ผ่านมา กลุ่มตนเองได้พยายามเรียกร้องขอความเป็นธรรมหลังนายชัยภูมิเสียชีวิตมาโดยตลอด เพราะทางครอบครัวอยากรู้ความจริง ว่าสาเหตุที่นายชัยภูมิ เสียชีวิตไปนั้นเกิดจากอะไร เนื่องจากที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระบุว่า สาเหตุที่นายชัยภูมิเสียชีวิตของนายชัยภูมิ มาจากเรื่องของยาเสพติด แต่ไม่เคยเปิดเผยข้อมูลภาพ จากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในจุดเกิดเหตุให้สาธารณชนรับทราบ
ทั้งนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทางกลุ่มฯต้องต่อสู้ แม้ว่าการต่อสู้จะเป็นในด้านของการเรียกค่าเสียหายแต่นั่นก็เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเพราะสิ่งที่ต้องการจริง ๆ คือ ความยุติธรรมต่อเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กชนเผ่าและไม่มีสัญชาติไทย ทุกคนควรจะมองเขาคือมนุษย์คนหนึ่ง ประกอบกับเมื่อเขาเสียชีวิตไปแล้วผู้ที่กระทำกลับไม่ได้รับการลงโทษใด ๆ และยังไม่มีการชี้แจงข้อเท็จจริงจากทางเจ้าหน้าที่รัฐ เบื้องต้นยอมรับว่าที่ผ่านมามีความรู้สึกกลัวแต่การฟ้องร้องก็เป็นกระบวนการเดียวที่จะสามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนายชัยภูมิได้
ขณะที่นายปรีดา กล่าวว่า คดีนี้ได้มีการฟ้องร้องกันที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่เพื่อพิสูจน์ว่าการเสียชีวิตของนายชัยภูมิ เกิดจากอะไรแต่ไม่ใช่การชี้ถูกชี้ผิดว่าใครเป็นฝ่ายผิด ซึ่งศาลก็ได้ระบุชัดว่าใครเป็นคนยิงนายชัยภูมิ ส่วนการฟ้องคดีแพ่งก็เป็นการใช้สิทธิ์ในฐานะญาติของผู้ตายมาฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย เพราะเจ้าหน้าที่ได้กระทำในหน้าที่ เมื่อกระทำในหน้าที่ก็เป็นอำนาจของประชาชนในการที่จะฟ้องร้อง ด้วยการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานของรัฐในที่นี้ก็คือกองทัพบก ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และจะเป็นส่วนที่ทำให้ไปพิสูจน์ความจริงต่อว่าการกระทำในหน้าที่เกินกว่าเหตุ สมควรที่หน่วยงานรัฐจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ ซึ่งทางหน่วยงานก็มีหน้าที่ที่จะต้องไปแก้ไขปรับปรุงในการพัฒนาบุคลากรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก
“นี่ก็คือเป้าหมายที่ต้องการจะให้เกิดการปรับปรุงเพราะเหตุที่เกิดลักษณะนี้ก่อนหน้าคดีของนายชัยภูมิ ระยะเวลาห่างกันไม่นาน ก็เคยเกิดมาแล้วกับนายอะเบ แซ่หมู่ ชาวไทยภูเขาเผ่าลีซู ซึ่งคดีของนายอะเบ ทางศาลแพ่งก็ได้พิพากษาให้กองทัพบกชดใช้ค่าเสียหาย โดยทางกองทัพบก ก็ไม่ได้อุทธรณ์และปัจจุบันคดีก็ได้ดำเนินการถึงที่สุดแล้ว กองทัพบกได้นำเงินมาวางไว้ที่ศาลแพ่งเพื่อที่จะโอนเงินให้กับแม่ของนายอะเบต่อไป” นายปรีดา กล่าว
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว โดยฝ่ายโจทก์นำสืบในทำนองเดียวกันว่า นายชัยภูมิ ผู้ตายมีผลการเรียนดี เป็นนักกิจกรรมจิตอาสา เคยเป็นประธานนักเรียน ชอบช่วยเหลือครูและเพื่อน มีความกตัญญู และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด
ส่วนพยานฝ่ายจำเลยเบิกความว่า ไม่รู้จักผู้ตายมาก่อน ขณะเกิดเหตุได้ขอตรวจค้นรถ แต่ผู้ตายไม่ยินยอมให้เปิดฝาไส้กรองอากาศ ซึ่งเมื่อเปิดพบยาบ้า 2,800 เม็ดซุกซ่อนอยู่ ผู้ตายวิ่งหลบหนี และใช้ระเบิดขว้าง ใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ ทหารจึงหยิบปืน ยาว M.16 ยิงที่แขนซ้ายเพื่อหยุดการกระทำ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พยานจำเลยเบิกความว่า พบบัญชีธนาคาร ของผู้ตายมีความเคลื่อนไหวทางเชื่อมโยงกับการค้ายาเสพติด รวมทั้งบันทึกการโทรศัพท์เกี่ยวกับผู้ต้องหาในคดียาเสพติดด้วย พยานจำเลยที่เป็นเพื่อนนักเรียนเบิกความเชื่อว่าจำเลยน่าจะรู้เห็นเกี่ยงกับยาเสพติด ประจักษ์พยานจำเลยยังไม่พบพิรุธสงสัย ที่พลทหารยิงผู้ตายนั้นเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวสมควรแก่เหตุ พยานหลักฐานจำเลยมีความน้ำหนักน่าเชื่อถือไม่ถือว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
ภายหลัง โจทก์พร้อมญาติและเพื่อนที่เดินทางมาให้กำลังใจต่างรู้สึกเสียใจกับคำพิพากษา และต้องการที่จะยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี