‘อนุทิน’ชง‘ศบค.’ลดกักตัว
เหลือแค่10วัน
เตรียมพร้อมรับเปิดประเทศ
ตั้งคณะทำงานประเมินผล
ทบทวนสถานกักกันโควิด
ไทยพบป่วยโควิด-19 ใหม่ 4 ราย มาจาก 3 ปท.“ญี่ปุ่น-คูเวต-ยูเออี”ด้าน“อนุทิน”ถกกก.โรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบนโยบายกักกันโรคระดับชาติรองรับเปิดประเทศรับนทท.ต่างชาติ กระตุ้นการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ พร้อมเสนอศบค. ลดกักตัวจาก 14เหลือ 10 วัน มอบกรมควบคุมโรคร่างรายละเอียด หามาตรการรองรับเข้มงวด ด้านสธ.ตั้งคณะทำงานตรวจประเมินสถานกักตัวที่รัฐกำหนด101แห่ง รวมถึงทบทวนระบบบริหารจัดการในการดูแลผู้กักตัว เน้นพิจารณาจากความเสี่ยงของประเทศต้นทาง
เมื่อวันที่ 29ตุลาคม ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันว่า พบผู้ป่วยใหม่ 4 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 3,763 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,451 ราย อยู่ในสถานกักกันโรคที่รัฐกำหนด(Quarantine) 815 ราย รักษาหายแล้ว 3,570 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) 134 ราย เสียชีวิตสะสม 59 ราย ในจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,763 ราย รักษาในกรุงเทพมหานคร(กทม.)และนนทบุรี 2,055 ราย ภาคเหนือ 107 ราย ภาคกลาง 744 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 112 ราย ภาคใต้ 745 ราย
ป่วยโควิดใหม่4รายจาก3ปท.
ผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น 1 ราย หญิงไทย อายุ 24 ปี อาชีพนักศึกษา เคยมีประวัติมีอาการไข้สูง วันที่สองของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อ มีอาการไอ มีเสมหะ เข้ารักษาที่สถาบันประสาทวิทยา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 1 ราย หญิงไทย อายุ 40 ปี อาชีพพนักงานนวดสปา มีประวัติอาการไข้ ไอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เดินทางเที่ยวบินเดียวกันมีผู้ติดเชื้อ 3 ราย ตรวจพบเชื้อที่ด่านควบคุมโรคสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม วันที่สามของการกักตัวตรวจพบเชื้อ ไอ ปวดศีรษะ เข้ารักษาที่ รพ.บางละมุง จ.ชลบุรี และคูเวต 2 ราย รายที่ 1 เพศหญิง สัญชาติคูเวต อายุ 67 ปี อาชีพแม่บ้าน เป็นผู้ป่วยมารักษาด้วยโรคมะเร็ง ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน กทม. รายที่ 2 เพศชาย สัญชาติคูเวต อายุ 19 ปี อาชีพนักศึกษา เคยมีประวัติอาการไม่รับรู้กลิ่น รส เป็นผู้ติดตามผู้ป่วย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม เดินทางจากกาตาร์ถึงไทย ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ
กก.โรคติดต่อยันไทยคุมโควิดได้ดี
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ครั้งที่ 8/2563 และเปิดเผยหลังประชุมว่า คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้สรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่ในระดับต่ำสามารถควบคุมได้ ซึ่งผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ แม้จะมีผู้ป่วยในประเทศบ้างก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และอยู่ในสถานกักกันโรค(Quarantine)ที่สามารถควบคุมได้ กรมควบคุมโรคให้ความมั่นใจว่าการควบคุมโรคมีประสิทธิภาพ ไม่แพร่ระบาดในวงกว้าง ภาพรวมขณะนี้ ไทยมีศักยภาพในการต่อสู้ป้องกันโควิด-19 ทั้งทรัพยากร เวชภัณฑ์ ห้องปฎิบัติการ ยา รวมถึงบุคลากรแพทย์พยาบาล การรักษาสามารถลดอัตราเสียชีวิต และไม่มีผู้ป่วยวิกฤตในห้องไอซียู และไทยไม่พบการติดเชื้อในประเทศในระยะยาว อัตราเสียชีวิตต่ำกว่าร้อยละ 2 ขอให้ประชาชนมั่นใจได้
ยกระดับกักกันโรคเป็นนโยบายชาติ
นายอนุทินระบุว่า โจทย์สำคัญวันนี้ คือการสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพกับเศรษฐกิจบนพื้นฐานความปลอดภัยประชาชน ช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งไทยยังต้องพึ่งพาต่างชาติ การเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว หรือการค้าการลงทุน จะช่วยให้เศรษฐกิจของเรากลับมาเดินหน้าอีกครั้ง เรื่องเศรษฐกิจสุขภาพเป็นนโยบายสำคัญที่จะขับเคลื่อนโดยยังคงความปลอดภัยให้ประชาชนและสังคมด้วย
นายอนุทินกล่าวว่า เดิมการกักตัว (Quarantine) ผู้เดินทางเข้าประเทศไทยเป็นเพียงประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19(ศบค.) วันนี้คณะกรรมการฯมีมติเห็นชอบ ร่างนโยบายการกักกันโรคในประเทศ (National Quarantine Policy) ที่มีข้อกำหนดเป็นกฎหมาย เพื่อควบคุมระยะยาว และเพื่อประสิทธิภาพป้องกันควบคุมโรคสูงสุด รองรับเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนระยะยาว ประกอบด้วย 3 หลักการ คือ
วาง3หลักการรองรับเปิดปท.
1.จัดให้มีระบบกักกันโรค และสถานที่กักกันผู้สัมผัสโรคหรือพาหะ ป้องกันการแพร่เชื้อที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน เหมาะสมกับบริบทของการปฏิบัติงานและกลุ่มเป้าหมาย และเพียงพอทุกพื้นที่ 2.พัฒนากลไกบริหารจัดการระบบกักกันโรคและสถานที่กักกันโรคให้เป็นเอกภาพ ทั้งระดับชาติ และจังหวัด ที่ทำงานเชื่อมโยงกันได้ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร และ 3.เร่งพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลแบบบูรณาการ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ยกเครื่องระบบจัดการที่กักกันโรค
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯยังกำหนดระบบจัดการในสถานที่กักกันโรค 10 ข้อคือ 1.จัดการสถานที่พัก 2.พื้นที่ส่วนกลางและสถานที่เฉพาะ 3.มีผู้รับผิดชอบทุกขั้นตอน 4.คัดกรองการเจ็บป่วย หรือสงสัยติดเชื้อโควิด-19 5.จัดการสิ่งแวดล้อม การบริการพื้นฐานเพื่อการดำรงชีวิต 6.การรวบรวม จัดเก็บข้อมูล 7.ระบบรายงานเหตุการณ์ 8.พัฒนาทักษะผู้ปฏิบัติงาน 9.ตรวจประเมินสถานที่กักกันโรค และ 10.มีวิธีตรวจสอบย้อนหลังเมื่อพบเหตุผิดปกติ รวมทั้งกำกับติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงาน ทั้งในระดับชาติและพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยกรมควบคุมโรคจะนำเสนอต่อ ศบค. ต่อไป
เอาแน่ชงลดกักตัวเหลือ10วัน
นายอนุทินยังกล่าวด้วยว่า ส่วนต่อไปคือ การพิจารณาลดเวลากักตัวให้น้อยกว่า 14 วัน เบื้องต้นคือเหลือ 10 วัน ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบหลักการแต่ต้องเน้นย้ำข้อปฏิบัติที่เข้มงวดในส่วนเวลาที่หายไป 4 วัน เช่น ผู้ออกจากสถานกักกันต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่เข้าไปอยู่ในที่คนหมู่มาก ตรวจวัดไข้ตนเองต่อเนื่อง รายงานสุขภาพทุกวัน โดยกรมควบคุมโรคเป็นผู้ร่างมาตรการ และให้ข้อเสนอแนะให้เน้นเรื่องความปลอดภัย การติดตามตัวได้ มีอาการป่วยหรือไม่ เข้มข้นการปฏิบัติตัวแบบ New Normal โดยจะเสนอ ศบค. พิจารณาต่อไป
“กรมควบคุมโรคพร้อมลดเวลากักตัวนานแล้ว แต่มีประเด็นชาวฝรั่งเศสขึ้นมาก่อน จึงถอนเรื่องออกจาก ศบค. แต่เมื่อไปสอบสวนโรคพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องมาตรการกักตัว อย่างไรก็ตาม การติดเชื้ออยู่ในวงแคบและคุมได้” นายอนุทิน กล่าว
จี้กรมควบคุมโรคตรวจเชื้อเร็ว-แม่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนการลดเวลากักตัวต้องมีวิธีตรวจหาเชื้อเพิ่มอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ในรายละเอียดต้องถามกรมควบคุมโรค แต่เมื่อลดเวลากักตัวแล้วจะมีผู้เดินทางเข้ามามนประเทศจำนวนมากขึ้น วิธีการตรวจต้องพัฒนาให้เร็ว แม่นยำมากขึ้น โดยกรมควบคุมโรคต้องศึกษาการตรวจทุกรูปแบบ ซึ่งวิธีหารือกันเช่น การตรวจหาเชื้อผู้กักตัวแบบกลุ่ม 10 ราย ใช้น้ำยาตรวจเดียวกัน หากพบไม่มีติดเชื้อก็ปล่อยได้ แต่หากติดเชื้อก็ต้องตรวจหาเชื้อต่อไป ถ้าทำได้ต้องสร้างระบบติดตามผู้กักตัวให้ได้
ทบทวนระบบASQเข้มงวดขึ้น
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า หลังพบผู้ติดเชื้อหลังเข้ากักตัวในสถานกักตัวที่รัฐกำหนด หรือ ASQ คณะทำงานวิชาการตรวจประเมินพบมีหลายจุดที่ต้องทบทวน เช่น ให้ออกจากห้องมาออกกำลังกาย การเข้าไปทำความสะอาดห้องพัก 2 วันต่อครั้ง การออกมาปะปนกันของผู้กักตัว ทั้งนี้ ก่อนอนุญาตให้ดำเนินการ ASQ ได้ชี้แจงมาตรฐานการอนุญาตให้ผู้กักตัวออกมานอกห้อง โดยต้องจัดระบบ จัดพื้นที่พักผ่อน จัดรอบการออกนอกห้องพัก การเว้นระยะห่าง การทำความสะอาดฟิตเนส ซึ่งระบบวางไว้ค่อนข้างดี แต่บางโรงแรมอาจไม่ได้เคร่งครัดทำตามแนวทางที่ตกลงกันไว้สบส.เร่งทำความเข้าใจให้มีความปลอดภัย แต่ผู้เดินทางยังได้รับความสะดวกสบายและปลอดภัย
ตั้งคณะทำงานประเมินมาตรฐาน
อีกแนวทางหนึ่งคือ จัดกลุ่มผู้เข้ากักกันตามความเสี่ยงของประเทศต้นทาง โดยพิจารณาจากจำนวนผู้ป่วยและระบบโครงสร้างพื้นฐานการควบคุมโรคของประเทศนั้น จะพิจารณาทุก 15 วัน แบ่งเป็นกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ ปานกลาง และสูง ใช้เรื่องความเสี่ยงควบคู่กับการอนุญาตให้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวก มาตรการก็จะเข้มงวดขึ้น ทั้งนี้ การจัดการ ASQ ยังเป็นไปตามมาตรฐาน แต่บางส่วนต้องปรับปรุง โดยจะตั้งคณะทำงานตรวจประเมินมาตรฐาน ให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น และทบทวนการอนุญาตให้ผู้กักตัวใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรม
ทั่วประเทศมีASQแล้ว101 แห่ง
นพ.ธเรศกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่จ.สมุทรปราการ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรปราการให้ ASQ หยุดรับคนเข้ากักกันเพิ่ม ให้ผู้พักเดิมอยู่แต่ในห้อง ไม่อนุญาตออกมาใช้พื้นที่ส่วนรวม และเมื่อคนในที่พักออกจากที่กักครบทั้งหมดแล้ว จะเข้าไปดูแลทำความสะอาดและประเมินทุกอย่างอีกครั้ง ปัจจุบันมีโรงแรมที่ประกาศเป็น ASQ แล้ว 101 แห่ง จำนวน 13,004 ห้อง อยู่ระหว่างตรวจประเมิน 2 แห่ง รออนุมัติอีก 7 แห่ง ส่วน Alternative Local Quarantine (ALQ) ในภูมิภาคที่จะรองรับการบินตรงมามี 21 แห่ง ได้แก่ บุรีรัมย์ 1 แห่ง ชลบุรี 1 แห่ง ภูเก็ต 8 แห่ง ปราจีนบุรี 1 แห่ง และสุราษฎร์ธานี 10 แห่ง รวม 1,466 ห้อง ซึ่งการจะเป็น ASQ ได้ต้องผ่านมาตรฐาน 6 หมวดที่กำหนด
ฝรั่งเศสล็อกดาวน์รอบ2ถึงสิ้นพ.ย.
อีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกว่าหลายประเทศยังวิกฤติ อย่างฝรั่งเศส ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ประกาศบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์ทั่วประเทศครั้งที่ 2 โดยจะมีผลถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน สาเหตุจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิดขึ้นเร็วกลายเป็นการระบาดระลอก 2 ที่รุนแรงกว่ารอบแรก ซึ่งการล็อคดาวน์รอบ2นี้มีผลวันที่ 30 ตุลาคม โดยประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเรือนเพื่อซื้อของใช้ ทำงานที่จำเป็น ออกกำลังกายวันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง และเพื่อเหตุผลทางการแพทย์เท่านั้น ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 36,000 คน/วัน
ผู้ดีวิกฤติโควิดเฟส2พุ่งวันละแสนคน
สำนักข่าวบีบีซีรายงาน ผลการศึกษาใหม่โดยมหาวิทยาลัย Imperial College London (อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน)ในอังกฤษ ชี้วิกฤตการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษที่เริ่มรุนแรงถึงขั้นวิกฤติ เพราะกำลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันเดียวเกือบ 100,000 รายทุกวัน ซึ่งผลศึกษาดังกล่าวยังระบุด้วยว่า อังกฤษอยู่ในขั้นวิกฤติ และมีบางอย่างที่ต้องเปลี่ยนแปลง โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังเตือนว่า อังกฤษกำลังไปสู่จุดสูงสุดของการติดเชื้อโควิด-19 อย่างรวดเร็ว
อินเดียติดเชื้อเกิน8ล.ตาย1.2แสน
เช่นเดียวกับ อินเดีย ที่จำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 8,040,203 คน เสียชีวิต 120,527 คน และอยู่อันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ โดยจำนวนคนติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอีกครั้งเนื่องจากจะมีเทศกาลดิวาลีหรือเทศกาลแห่งแสงสว่างที่เป็นเทศกาลสำคัญที่สุดสำหรับผู้นับถือฮินดูในวันที่ 14 พฤศจิกายน และอินเดียจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เตือนว่า อาจมีผู้ป่วยใหม่มากกว่าวันละ 10,000 คน หากเกิดการระบาดระลอกใหม่ ส่วนนครมุมไบ เมืองหลวงทางพาณิชย์ที่มีประชากรกว่า 20 ล้านคน มีผู้ป่วยมากที่สุดในประเทศกว่า 250,000 คน เสียชีวิตกว่า 10,000 คน และมีผู้ป่วยใหม่รายวันประมาณ 2,000 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี