กรมอุตุฯ เตือน พายุโซนร้อน“โคนี” ส่งผลกระทบไทย 5-7 พฤศจิกายนนี้ ด้าน ปภ.สรุปเหตุน้ำท่วมยังคงเกิดขึ้นใน 4 จังหวัด ส่วนโคราช 3 เขื่อนใหญ่น้ำเต็มความจุ พ่อเมืองสั่งรับมือน้ำท่วมพื้นที่ระลองสอง
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา‘พายุโซนร้อนโคนี’ (พายุระดับ 3) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2563ฉบับที่ 1 ว่า พายุโซนร้อนโคนีบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ได้เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนกลางแล้ว โดยมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงก่อนเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางช่วงวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2563 ส่งผลทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
ส่วนแฟนเพจเฟซบุ๊กเตือนภัยพิบัติ วาตภัย ฝนฟ้า พายุ ได้เผยคลิปความรุนแรงของพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น‘โคนี’ ในประเทศฟิลิปปินส์ ระบุว่า “ความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่น ในประเทศฟิลิปปินส์ บริเวณเกือบใกล้จุดศูนย์กลาง #RollyPHทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีกกำลังเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ด้วยความเร็วลมสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลางก่อนที่จะขึ้นฝั่ง ข้อมูลเวลา 19.00 น.ถึง 08.00 น. เช้าวันที่ 1/11/2563ข้อมูล jtwc (Joint Typhoon Warning Center) ลมคงที่ 314 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลมกระโชก 379 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ยังเผยภาพความเสียหายบางส่วนจากพายุลูกนี้ที่เข้าถล่มประเทศฟิลิปปินส์ จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง เกิดดินโคลนถล่มและน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากลมกระโชกรุนแรงบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากแรงลม
วันเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ 34 จังหวัด รวม 155 อำเภอ 553 ตำบล 2,355 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 91,684 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย (จันทบุรี ตรัง ปราจีนบุรี จังหวัดละ 1 ราย สุราษฎร์ธานี 3 ราย และนครราชสีมา 1 ราย) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ปราจีนบุรี สุราษฎร์ธานี และสุพรรณบุรี ซึ่ง ปภ.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง และสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ส่วนที่ จ.นครราชสีมา วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว เขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย และเขื่อนมูลบน มีปริมาณน้ำเต็มความจุเขื่อน หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้มวลน้ำไหลลงเขื่อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเขื่อนลำตะคอง มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 360 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 114% เขื่อนลำพระเพลิงมีปริมาณน้ำ 173 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 111% และเขื่อนลำมูลบน มีปริมาณน้ำ 142 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 100%
นายวิเชียร จันทรโณทัยผวจ.นครราชสีมา กล่าวว่า ขณะนี้ทุกเขื่อนต้องวางแผนระบายน้ำออกและต้องค่อยๆ ระบายเพราะหากระบายน้ำออกไปจำนวนมากจะส่งผลกระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อนทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพายุโคนี พายุลูกใหม่ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยช่วงปลายสัปดาห์นี้
ผวจ.นครราชสีมา กล่าวต่อว่า สำหรับเขื่อนลำพระเพลิง อ.ปักธงชัยน้ำที่ไหลจาก อ.วังน้ำเขียว ไหลลงเขื่อนลำพระเพลิงซึ่งบรรจุได้ 155 ล้าน ลบ.ม.ขณะนี้น้ำไปถึง 177 ล้าน ลบ.ม.น้ำล้นที่ปากกระโถนลงมาน้ำไหลมาถึงพื้นที่ ต.บ่อปลาทอง ก่อนจะไปถึงเทศบาลเมืองปัก อ.ปักธงชัย ซึ่งน้ำจะท่วมเป็นรอบที่สอง และน้ำกำลังเพิ่มขึ้น โดยมีการแจ้งเตือนไปหมดแล้ว
ขณะที่ อ.พิมายน้ำเอ่อท่วมหลายพื้นที่ ส่วน อ.เฉลิมพระเกียรติ , อ.จักราช , อ.โนนสูง , อ.โชคชัย น้ำยังท่วมขังอยู่ โดยน้ำจากอ.พิมาย และจะไหลไปยัง อ.ชุมพวง , อ.เมืองยาง และ อ.ลำทะเมนชัย สำหรับน้ำที่ท่วม อ.ปักธงชัย ระลอกสอง จะไหลไป อ.โชคชัย , อ.เฉลิมพระเกียรติ , อ.พิมายซึ่งจะท่วมเป็นระลอกสองเหมือนกัน แต่ระยะเวลาห่างไปอย่างน้อยอีกประมาณ 2 สัปดาห
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี