พายุ‘เอตาว’มาอีกลูก
มุ่งหน้าถล่มเวียดนาม
กระทบไทย10-11พ.ย.
ใต้-อีสาน-ตอ.ฝนหนัก
กรมอุตุฯประกาศเตือนพายุโซนร้อน“เอตาว” มุ่งหน้าขึ้นฝั่งเวียดนาม ส่งผลกระทบไทย 10-11 พฤศจิกายนภาคอีสาน-ตะวันออกทำให้มีฝนตกลมแรง แม้อ่อนกำลังบริเวณกัมพูชา แต่อิทธิพลของลมมรสุมทำให้ภาคใต้ฝนหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันถึง 12 พ.ย. ตั้งแต่ชุมพรลงไป โดยเฉพาะสุราษฎร์ฯ ขณะเดียวกัน ไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา อากาศเย็นลมแรงที่ยอดดอย เตือนภาคเหนือ-อีสานดูแลสุขภาพ
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง “พายุโซนร้อน “เอตาว” (พายุระดับ 3) ที่จะส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันที่ 10 – 11 พฤศจิกายน ฉบับที่ 4 ว่า พายุโซนร้อน “เอตาว” (พายุระดับ 3) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ทางตะวันออกของเมืองนาตรัง ประเทศเวียดนาม ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุจะเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนกลางวันที่ 10 พฤศจิกายน หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน (พายุระดับ 2) และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณกัมพูชา ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออก มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง ขอให้เกษตรกรบริเวณดังกล่าว เตรียมป้องกันระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
กรมอุตุนิยมวิทยายังพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็นและมีลมแรง ส่วนยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาว ขอให้ประชาชนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลสุขภาพ เนื่องจากอากาศหนาวเย็นลงไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส
ด้านน.ส.กรรวี สิทธิชีวภาค รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงสถานการณ์พายุโซนร้อน “เอตาว”ว่า คาดจะเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนกลางวันที่ 10 พฤศจิกายน และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงแถวกัมพูชา แม้พายุจะสลายก่อนเข้าไทย แต่ด้วยอิทธิพลของตัวพายุทำให้ประเทศไทยตอนบนได้รับผลกระทบอยู่บ้าง โดยเฉพาะแถบอีสานตอนล่าง และภาคตะวันออก มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่จะมีลมแรงระหว่างวันที่ 10-12 พฤศจิกายน แต่ที่ต้องจับตาและน่ากลัวคือ อิทธิพลของลมมรสุมที่ไปเลี้ยงตัวพายุลูกนี้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากช่วง 2-3 วันนี้ เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ตั้งแต่ จ.ชุมพร ลงไป โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีฝนตกหนักขณะนี้ ส่วนผลกระทบกับภาคกลาง อาจมีฝนตกเล็กน้อย สำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะเป็นลักษณะกลุ่มเมฆปกคลุมค่อนข้างเยอะ และมีฝนเล็กน้อย
วันเดียวกัน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อเตรียมรับมือปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ซึ่งรุนแรงช่วงการเปลี่ยนฤดู สาเหตุที่มาแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน เช่น การเผาป่า เผาวัสดุทางการเกษตร ขณะที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สาเหตุหลักมาจากการรถยนต์ดีเซลและการจราจร อุตสาหกรรม และการเผาในที่โล่ง ดังนั้น แนวทางแก้ปัญหาฝุ่นภาพรวมของประเทศ จำเป็นต้องบูรณาการทุกภาคส่วนร่วมกัน โดย 1.เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการเชิงพื้นที่ โดยเฝ้าระวังสถานการณ์ ประสานข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ และ Gistda ทำแผนรับมือแก้ปัญหา ตามพ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 บังคับใช้กฎหมาย เพิ่มความเข้มข้นในการแก้ปัญหาตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” กำหนดสถานที่พักชั่วคราว แจ้งเตือนแนะนำข้อปฏิบัติตนแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมใส่หน้ากากอนามัย
2.ป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง เข้มงวดตรวจจับรถควันดำ ตรวจสภาพ/บำรุงรักษายานพาหนะขนส่งสาธารณะ ทำความสะอาดพื้นผิวถนน รวมทั้งควบคุมการเผาทุกประเภท รวมถึงควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงาน ป้องกันและลดปริมาณฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง และ3.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ขยายเครือข่ายแจ้งเตือน จัดระเบียบการเผาให้ตรงหลักวิชาการ นอกจากนี้ ยังเน้นขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง”ต่อเนื่อง โดยยกระดับความเข้มงวดของมาตรการ โดยเพิ่มเติมแผนเฉพาะกิจ เพื่อแก้ปัญหาช่วงวิกฤต โดยย้ำทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานตามหน้าที่อย่างเข้มข้น เร่งสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชน ควบคุมการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า และการเกษตรด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี