หลังจากผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลได้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ภายใต้ “โครงการ โคก หนอง นาโมเดล” รูปแบบการแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำในพื้นที่การเกษตรรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณจากโครงการเงินกู้ 4 แสนล้านบาทนำสู่การขับเคลื่อนผ่านกรมการพัฒนาชุมชนวงเงินทั่วประเทศ 4 พันล้านบาท จังหวัดพิษณุโลก เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการเปิดรับสมัคร และเกษตรกรเข้าร่วมโครงการแล้ว 4 อำเภอ 14 ตำบล จำนวน 156 ราย แบ่งเป็นอำเภอวังทอง มีครัวเรือนสมัครเข้าร่วมโครงการเป็นที่ศูนย์เรียนรู้ระดับตำบล จำนวน 7 จุด พื้นที่จุดละ 15 ไร่ พื้นที่เรียนรู้ครัวเรือนต้นแบบ จำนวน 130 ครัวเรือน แบ่งเป็นพื้นที่ 1 ไร่ จำนวน 33 ครัวเรือน พื้นที่ 3 ไร่ จำนวน 97 ครัวเรือน
อำเภอเมืองพิษณุโลก ครัวเรือนสมัครเข้าร่วมโครงการพื้นที่เรียนรู้ครัวเรือนต้นแบบ จำนวน 12 ครัวเรือน แบ่งเป็น พื้นที่ 1 ไร่ จำนวน 6 ครัวเรือนพื้นที่ 3 ไร่ จำนวน 6 ครัวเรือน อำเภอบางกระทุ่ม ครัวเรือนสมัครเข้าร่วมโครงการเป็นที่ศูนย์เรียนรู้ระดับตำบล จำนวน 1 จุด พื้นที่จุดละ 15 ไร่ พื้นที่เรียนรู้ครัวเรือนต้นแบบ จำนวน 5 ครัวเรือนเป็นพื้นที่ 3 ไร่ จำนวน 5 ครัวเรือน และอำเภอนครไทย ครัวเรือนสมัครเข้าร่วมโครงการพื้นที่เรียนรู้ครัวเรือนต้นแบบ จำนวน 1 ครัวเรือน เป็นพื้นที่ 3 ไร่ จำนวน 1 ครัวเรือน
นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า สำหรับโครงการนี้จริงๆ แล้ว ถ้าเราไปเรียนรู้ในเรื่องของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงหรือทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านก็จะมีพระราชดำรัสแนวคิดให้กับพี่น้องประชาชนพี่น้องเกษตรกร ในลักษณะของการจัดการพื้นที่ให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่แล้วก็ประยุกต์เข้ากับทฤษฎีใหม่ของพระองค์ ความหมายก็คือว่า บริบทของภูมิประเทศกับสังคมที่เป็นอยู่ และมีวิถีชีวิต สามารถปรับให้เข้ากัน
“เรื่องของการทำโคก หนอง นา โมเดลก็คือสำรวจพื้นที่ของตัวเอง บางทีเกษตรกรอาจจะยังไม่ค่อยมีความรู้ไม่มีความเข้าใจ ส่วนหนึ่งเกษตรกรต้องมีภูมิปัญญา กลับก็เอามาประยุกต์ ซึ่งภาครัฐจะให้ผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องนี้ไปให้คำแนะนำในเรื่องของการปรับพื้นที่ว่าตรงไหนเป็นพื้นที่ ที่ควรจะ เป็นหนอง เป็นนา นั่นคือการจัดการพื้นที่ประยุกต์ให้เข้ากับทฤษฎีของในหลวงของพระองค์ท่านในหลวงรัชกาลที่ 9 แนวคิดและวิธีการ คือหลักการของโคก หนอง นา โมเดล สำหรับโครงการนี้ ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ COVID แพร่ระบาดหลายคนตกงาน ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ต้องกลับบ้าน มาทำงานภาคการเกษตรในพื้นที่ในบ้านเกิดของตัวเอง มีพื้นดินในการที่จะปลูกพืชผักต่างๆ บางส่วนเลี้ยงสัตว์ ซึ่งใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้มาเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ เหมาะกับเรียกว่าสังคมดั้งเดิมของเราก็คือเกษตรกรรม ทำให้รัฐบาลเห็นว่าถ้ารัฐบาลได้ส่งเสริมโครงการนี้ ก็จะทำให้ประชาชน ได้ประกอบอาชีพทางการเกษตรใช้ชีวิตอย่างพอเพียง โดยนำโคก หนอง นา โมเดล เป็นต้นแบบในการที่จะพัฒนาแต่ละครอบครัว”
ด้านนางศุภลักษณ์ แก้วมณี พัฒนาการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ขณะนี้การเตรียมความพร้อมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นาโมเดล” นั้นได้มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับประชุมเพื่อวางแผน ซักซ้อม สร้างความเข้าใจในโครงการดังกล่าวเป็นการเบื้องต้น เพื่อให้โครงการออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุดและจัดทำเอกสารให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการให้กับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเบื้องต้นจากการเข้าไปให้ความรู้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการบ้างแล้วนั้นต่างพอใจและเริ่มมีความสุขในการประยุกต์ใช้ที่ดินของตนเองได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
นายชูชาติ แสงปรางค์ ผู้ใหญ่บ้านสนามคลี หมู่ 6 ตำบลสนามคลี อำเภอบางกระทุ่ม หนึ่งในเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า ตนและครอบครัวรู้สึกดีใจ และชื่นชอบในการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9อยู่แล้ว และหากได้นำมาประยุกต์ใช้ปรับพื้นที่ให้คุ้มค่า ตามโครงการ โคก หนอง นาก็จะทำให้ผลผลิตที่ปลูกไว้มีอยู่มีกิน ตามเศรษฐกิจพอเพียงได้เป็นอย่างดี ในฐานะที่ตนเองเป็นผู้นำท้องถิ่น ก็นำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดให้กับลูกบ้านอีกด้วย
ศุภชัย สิธานนท์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี