ต่อพรก.ฉุกเฉินถึง15มค.’64
หวั่นโควิดลาม
เบรกลดกักตัวเหลือ10วัน
ศบค.ห่วงระบาดช่วงปีใหม่
ย้ำต้องคุมเข้มสกัดแพร่เชื้อ
ศบค.ชุดเล็กเสนอต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกรอบ คราวนี้พิเศษกินเวลา 45 วันยิงยาวถึง 15 มกราคม 2564 เหตุช่วงปีใหม่คนเดินทางกลับภูมิลำเนา-ท่องเที่ยวจำนวนมาก หวังคุมเข้มโควิด-19 ระบาด กำชับหน่วยงานความมั่นคงเฝ้าระวังชายแดน-ช่องทางธรรมชาติ สกัดต่างด้าวทะลักเข้า-ออก ยัน ปัดยืดเวลาใช้กฎหมายพิเศษ ไม่เกี่ยวการเมือง แต่ห่วงม็อบอยากให้มีมาตรการป้องกันเข้มขึ้น ขณะเดียวกันเบรกลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน หวั่นกิจกรรมช่วงวันหยุดช่วงปีใหม่ทำไวรัสลาม ชะลอให้พ้นเดือน ม.ค. 64 ไปก่อน ส่วนสถานการณ์ประจำวันไทยพบผู้ป่วยโควิดเพิ่ม 1 ราย เดินทางจากญี่ปุ่น
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายนว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น และเข้าพักในสถานกักกันของรัฐ State Quarantine ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 3,875 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม โดยยอดเสียชีวิตอยู่ที่ 60 ราย รักษาหายเพิ่มอีก 8 ราย รวมยอดผู้ป่วยรักษาหาย 3,721 ราย และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีก 94 ราย
ชงต่อพรก.45วันถึง15มค.64
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันเดียวกัน มีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา(ศบค.)ชุดเล็ก ที่มีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 (ศปก.ศบค.) เป็นประธาน และมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาบังคับใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะครบกำหนดวันที่ 30 พฤศจิกายนออกไปอีก 45 วันถึงวันที่ 15 มกราคม 2564 เพื่อใช้เป็นกลไกป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยืนยัน ไม่ได้ใช้เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง
เน้นรับมือคนเดินทางช่วงปีใหม่
ส่วนเหตุผลที่ขยายระยะเวลาบังคับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปถึง 45 วัน ทั้งที่ผ่านมาจะขยายครั้งละ 30 วันนั้น รายงานข่าวแจ้งเหตุผลหลักคือ ต้องการประกาศให้ครอบคลุมช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะมีการเคลื่อนย้ายของประชากรจำนวนมากที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ หากขยายระยะเวลาบังคับใช้ 30 วัน ต้องมาประชุมพิจารณาขยายระยะเวลาอีกครั้งกลางเดือนธันวาคมที่งานช่วงนั้นค่อนข้างแน่น จึงประกาศขยายระยะเวลาบังคับใช้ 45 วัน ไปเลยในคราวเดียว
ย้ำเข้มชายแดนต่างด้าวจ้องหนีเข้าปท.
นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังย้ำเรื่องการป้องกันการระบาด โควิด-19 บริเวณตะเข็บชายแดน ให้เข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ เนื่องจากจะมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ที่ต้องการเดินทางเข้า-ออกช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ในฐานะ ศบค.จังหวัด ประสานดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้การขยายระยะเวลาบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีเหตุผลเรื่องใช้เป็นกลไกป้องกันโควิด-19 โดยไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่ที่ประชุมเป็นห่วงเรื่องการชุมนุมทางการเมือง ที่เป็นการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก อยากให้มีมาตรการป้องกันโควิด-19 ให้เข้มงวดมากขึ้น ขอให้เจ้าหน้าที่ไปประสานเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องสวมหน้ากาก การตะโกน อยากให้ระมัดระวังมากขึ้น
เบรกลดกักตัว10วันหวั่นระบาดปีใหม่
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องลดระยะวันกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วัน แต่ที่ประชุมเห็นว่า ยังต้องคงมาตรการกักตัวเวลาเดิม เนื่องจากช่วงปลายปียังมีกิจกรรมหลายอย่าง เช่น เลือกตั้งท้องถิ่นในเดือนธันวาคม การท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ และการแข่งขันกีฬาแบดมินตันระดับนานาชาติ 3 ทัวร์นาเมนต์ช่วงเดือนมกราคม 2564 ดังนั้น เพื่อไม่ให้โปรแกรมที่วางไว้สะดุด และอยากให้คนไทยได้ท่องเที่ยวช่วงปีใหม่อย่างปลอดภัย จึงขอให้ชะลอข้อเสนอดังกล่าวไว้ รอให้พ้นเดือนมกราคมไปก่อน แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน
สระแก้วเสริมลวดหนามสกัดเขมรทะลัก
ด้านพ.อ.เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติชุติ ผบ.ชค.กรม.ทพ.12 (ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่12) สั่งการให้ร.ต.ธิติวุฒ ยีนุช ผบ.ร้อย ทพ.1201 (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่1201) ประสานความร่วมมือกับพ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.คลองลึกฯและพ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จว.สระแก้ว นำกำลังร่วมลาดตระเวนป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา บริเวณตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติท้ายตลาดโรงเกลือ และสะพานรถไฟ ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา หลังหมดฤดูฝนทำให้บริเวณชายแดนไม่มีร่องน้ำธรรมชาติ เป็นจุดเสี่ยงที่แรงงานต่างด้าวใช้เป็นช่องทางลอบเข้าเมืองได้ง่าย จากการลาดตะเวนเข้มตามแนวตะเข็บชายแดนเจ้าหน้าที่พบพื้นที่ชายแดนบางจุดสุ่มเสี่ยงลักลอบเข้าประเทศไทยได้ง่าย และแนวรั้วลวดหนามที่กั้นตลอดแนวชายแดนบางส่วนเปราะบาง ร.ต.ธิติวุฒ นำกำลังเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมและวางลวดหนามเสริมพื้นที่จุดเสี่ยง โดยบางจุดต้องวางรั้วลวดหนาม 3 - 4 ชั้นป้องกันการใช้อุปกรณ์วางพาดแล้วลอบปีนข้ามเขตแดน
ร.ต.ธิติวุฒเผยว่า มีรายงานจากฝั่งกัมพูชาระบุหลังหมดฤดูฝนมีแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชานับพันคนเตรียมลักลอบข้ามตะเข็บชายแดนตามช่องทางธรรมชาติเข้ามาหางานทำในประเทศไทย เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19ทำให้ชาวกัมพูชาจำนวนมากไม่มีงานทำในประเทศ ดังนั้น ชค.กรม.ทพ.12 จึงประสานความร่วมมือกับสภ.คลองลึก และตม.จว.สระแก้วคุมเข้มตลอดแนวชายแดน ป้องกันการแพร่เข้ามาของไวรัสโควิด-19
ทั่วโลกทุบสถิติติดวันเดียวกว่า6.6แสน
ส่วนสถานการณ์ระบาดทั่วโลกยังน่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง จากรายงานขององค์การนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ)สรุปสถิติเกี่ยวกับโควิด-19 ทั่วโลก ในรอบ 24 ชั่วโมงมี 660,905 ราย ถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ทำลายสถิติเดิม 614,013 เคส ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน และเพิ่มขึ้นจากระดับ 645,410 รายในวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน ขณะที่สถิติสะสมของผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวตามรายงานของดับเบิลยูเอชโอมีอย่างน้อย 1,308,975 คน เพิ่มขึ้น 8,212 คน ด้านนายเทดรอส แอดฮานอม เกรเบเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเตือนว่า ยังเหลือระยะทางอีกยาวไกล กว่าที่จะควบคุมการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกได้
โลกป่วยสะสมเฉียด55ล.ตาย1.3ล.คน
วันเดียวกัน เว็บไซต์ www.worldsmeter.info รายงานสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 54,893,874 ราย เสียชีวิตรวม 1,325,404 ราย รักษาหายรวม 38,183,988 ราย โดยสหรัฐอเมริกาอยู่อันดับ 1 ของโลก มียอดผู้ติดเชื้อรวม 11,367,214 ราย เสียชีวิตรวม 251,901 ราย อันดับ 2 อินเดีย มียอดติดเชื้อรวม 8,845,617 ราย เสียชีวิตรวม 130,109 ราย อันดับ 3 บราซิล มียอดติดเชื้อรวม 5,863,093 ราย เสียชีวิตรวม 165,811 ราย อันดับ 4 ฝรั่งเศส ติดเชื้อรวม 1,981,827 ราย เสียชีวิตรวม 44,548 ราย และอันดับ 5 รัสเซีย ติดเชื้อรวม 1,948,603 ราย เสียชีวิตรวม 33,489 ราย ไทยอยู่ในอันดับที่ 151
สหรัฐฯป่วยพุ่งทะลุล้านไม่ถึงสัปดาห์
ขณะที่มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ของสหรัฐอเมริการายงานว่า สหรัฐฯมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 11,025,046 คน และมียอดผู้ป่วยติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นสูงกว่า 1 ล้านคนในระยะเวลาเพียง 6 วันหลังมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมทะลุ 10 ล้านคนเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งยังมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั้งสิ้น 246,108 คน ถือเป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมและผู้เสียชีวิตสูงสุดของโลก ทั้งนี้ รัฐเทกซัสและรัฐแคลิฟอร์เนียมีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในสหรัฐ และทั้งสองรัฐมีสถิติสะสมของผู้ป่วยมากกว่า 1 ล้านคน ตามด้วยรัฐฟลอริดา รัฐอิลลินอยส์ และรัฐนิวยอร์ก ขณะที่รัฐซึ่งมีสถิติสะสมของผู้ติดเชื้อมากกว่า 250,000 คน รวมถึงจอร์เจีย วิสคอนซิน นอร์ทแคโรไลนา เทนเนสซี โอไฮโอ นิวเจอร์ซีย์ มิชิแกน แอริโซนา เพนซิลเวเนีย และอินดีแอน
อังกฤษทดลองวัคซีนโควิดขนานสาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อังกฤษเริ่มทดลองวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ขนานที่สาม เป็นวัคซีนของบริษัทยาเบลเยียมที่นำเชื้อไวรัสไข้หวัดธรรมดามาตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิก สถาบันเพื่อการวิจัยสุขภาพแห่งชาติเซาแธมป์ตันที่จะดำเนินการทดลองกล่าวว่า จำเป็นต้องทดลองวัคซีนหลายขนานจากผู้ผลิตต่างกัน เพราะยังไม่รู้ว่าวัคซีนแต่ละขนานให้ผลอย่างไร และมีประสิทธิภาพหรือไม่ ทางศูนย์จะเริ่มทดลองวัคซีนที่พัฒนาโดยแจนเซ่น ผู้ผลิตยาเบลเยียม โดยเริ่มเปิดรับอาสาสมัครในสหราชอาณาจักรแล้ว 6,000 คน และมีประเทศอื่นเข้าร่วมทดลองเพื่อให้มีอาสมัคร 30,000 คน อาสาสมัครครึ่งหนึ่งจะได้รับวัคซีนสองโดส เพื่อดูภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งขึ้นและนานขึ้นหรือไม่
เกาหลีใต้ป่วยโควิดกว่า200คนวันที่ 3
เกาหลีใต้มียอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่กว่า 200 คนติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ทำให้ทางการเกาหลีใต้พิจารณาใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวด เพื่อควบคุมการระบาด โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้หรือเคซีดีซีเผยว่า เกาหลีใต้มีผู้ป่วยติดเชื้อใหม่ 223 คน เป็นตัวเลขหลักร้อยติดต่อกันวันที่ 8 และเป็นตัวเลขสูงสุดตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ทางการสาธารณสุขเกาหลีใต้เตือนให้พลเมืองรักษามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่ได้รับการผ่อนคลายเป็นระดับต่ำสุดเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว ขณะที่การระบาดเป็นกลุ่มก้อนเล็กยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง นายพัค นึงฮู รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้กล่าวว่า เกาหลีใต้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่ทำให้ทางการอาจต้องปรับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 เข้าขั้นวิกฤต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี