ศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทุจริต พิพากษายืนจำคุก 20 ปี “พนม ศรศิลป์”อดีต ผอ.พศ.กับพวก คดีทุจริตเงินทอนวัด พร้อมร่วมกันชดใช้12 ล้านบาท ให้แก่ผู้เสียหาย
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2563 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้มีคำพิพากษาคดีทุจริตจัดสรรเงินงบประมาณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำนวนแรก คดีหมายเลขดำ อท.253/2561 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ.,นายวสวัสตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ อดีต ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน พศ., นายเจษฎา วงศ์เมฆ ฆราวาส ทำหน้าที่ติดต่อหาวัด, นายชรินทร์ มิ่งขวัญ ฆราวาส ทำหน้าที่ติดต่อหาวัด เป็นจำเลยที่ 1-4 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กรณีเบียดบังเอาเงินของ พศ. ไปเป็นประโยชน์ของตน โดยใช้วัดเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดรับโอนเงินงบประมาณที่มีการเบียดบังไป
คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 20 ปี จำคุก จำเลยที่ 3 เป็นเวลา 6 ปี 8 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 4 เป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน และให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันคืนเงินจำนวน 12,000,000 บาท โดยให้จำเลยที่ 4 ร่วมคืนเงินจำนวน 3 ล้านบาท แก่ผู้เสียหาย ต่อมามีการยื่นอุทธรณ์คดี
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยมีความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เมื่อพิจารณาตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกเป็นผู้ร่วมคบคิดกันการกระทำความผิด เพราะได้กระทำการดังกล่าวเป็นเครือข่ายระหว่างข้าราชการของ พศ. กับบุคคลภายนอกในลักษณะกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือหรือให้ได้รับความสะดวกในการกระทำความผิดและเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กัน ทั้งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันของจำเลยทั้งสี่กับพวก เป็นเครือข่ายและขบวนการในการกระทำความผิด เบียดบังยักยอกเงินเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดของ พศ. ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตฯ เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยที่ 1-2 ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1-2 ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเฉพาะการพิจารณาลงนามอนุมัติเงินอุดหนุนจำนวน 9 วัดเป็นเงิน 21,300,000 บาท ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดจำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 20 ปี จึงไม่ถูกต้อง จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่าได้ทำหนังสือขออนุมัติเงินอุดหนุนเพียงครั้งเดียว และมีการจ่ายเงินให้แก่วัดต่างๆ ตามบัญชีรายชื่อแนบท้ายเป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียวนั้น เห็นว่า โดยสภาพพฤติการณ์แห่งคดีเป็นการกระทำต่อบุคคลหลายคน ซึ่งอาจกระทำต่อบุคคลเหล่านั้นต่างวาระกันได้ การที่จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะของการกระทำที่มีเจตนามุ่งหมายเพื่อให้เกิดผลต่อ พศ. วัดมุขธาราราม วัดท่าพญา วัดนาวง วัดปากเจาพัฒนาราม หรือผู้หนึ่งผู้ใด การลงมือกระทำเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้งไม่ได้พิจารณาจากจำนวนครั้งที่จำเลยที่ 2 ทำหนังสือเสนอเพื่ออนุมัติและจำเลยที่ 1 อนุมัติหนังสือดังกล่าวเพียงครั้งเดียวคราวเดียว แต่เพียงอย่างเดียวเป็นเครื่องชี้เจตนาของจำเลยทั้งสี่กับพวก ดังที่จำเลยที่ 1- 2 อุทธรณ์
เมื่อจำเลยทั้งสี่กับพวกใช้วัดดังกล่าว เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดรับโอนเงินงบประมาณรัฐ แล้วเบียดบังไปจาก พศ. อีกทั้งเป็นการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบพบมูลทุจริตในกลอุบายหลอกลวง พศ. วัดมุขธาราราม วัดท่าพญา วัดนาวง และวัดปากเจาพัฒนาราม คนละวันเวลาและในสถานที่แตกต่างกัน เพียงพอนับว่าเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1-2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 4 กระทงนั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยที่ 1-2 ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันจำเลยทั้งสี่ ยังคงถูกคุมขังรับโทษในเรือนจำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี