แรงงานชาวเมียนมา ลักลอบเข้าเมืองกลางดึก เป้าหมาย สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และนครปฐม สุดท้ายไม่รอด โดนทหารรวบกลางป่า เผยเป้าหมายทำงานที่ 3 จังหวัดชั้นใน สมุทรสงครามสมุทรสาคร และนครปฐม
24 พ.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักในประเทศเมียนมา เป็นเหตุทำให้กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาปิดด่านชายแดนชั่วคราว เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็น 1 ใน 10 จังหวัดชายแดนที่ต้องสนธิกำลังร่วมกันเฝ้าระวังกันมาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
ล่าสุดเมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ 24 พ.ย.63 ขณะที่ ร.ท.ศุภกฤต ทรัพย์เจริญ ผู้บังคับหมวดลาดตระเวนระยะไกล หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ รวมทั้ง ร.ต.เลิศชัย นากงาม และเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ออกลาดตระเวนไปตามช่องทางธรรมชาติ
เมื่อลาดตระเวนไปถึงบริเวณป่าที่อยู่ด้านหลังศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูง ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ปรากฎพบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวนมากกำลังเดินเท้าลัดเลาะอยู่ภายในสวนยางพารา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมกับตะโกนเรียกให้แรงงานทั้งหมดหยุดเพื่อมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่
จากนั้นจึงนำแรงงานทั้งหมดพร้อมสัมภาระเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นรถยูนิม็อกมาตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดที่บริเวณจุดตรวจร่วมน้ำเกิ๊ก หมู่ 8 ต.หนองลู โดยแรงงานที่ถูกจับกุมมีจำนวน 21 คน เป็นชาย 9 คน เด็กชาย 1 คน และหญิง 11 คน หลังจากตรวจสอบแล้วเสร็จ จึงประสานเจ้าหน้าที่ ตม.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี นำแรงงานทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ศ.2558 มาตรา 52 ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.กาญจนบุรี ที่ 2296/63 และเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายซึ่งแรงงานทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
โดย 1 ในหญิงสาวชาวเมียนมาที่ถูกจับกุมตัวและสามารถพูดไทยได้ เล่าว่า แรงงานที่ถูกจับกุมตัวทั้งหมดลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติบริเวณบ้านบ่อญี่ปุ่น ในช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.เพื่อมุ่งหน้าไปขึ้นรถยนต์ที่มีคนนำมาจอดรอรับในพื้นที่แห่งหนึ่งของ อ.สังขละบุรี ระหว่างเดินทางก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนคนนำทางอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้
สำหรับแรงงานทั้งหมดมีจุดมุ่งหมายที่จะเดินทางไปทำงานในเขตพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม จ.สมุทรสาคร และ จ.นครปฐม ซึ่งทุกคนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับคนนำพาหัวละ 15,000-18,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางว่าใกล้หรือไกล
หญิงสาวรายดังกล่าวกล่าวอีกว่า ส่วนตนเป็นชาวเมืองเย ประเทศเมียนมา เมื่อทราบข่าวว่ากลุ่มเพื่อนจะเดินทางเข้ามาทำงานที่ประเทศไทย ตนจึงเดินทางมาจากเมืองเยตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ครั้งแรกตนเข้าใจว่าสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ตามปกติโดยไม่คิดว่าจำลำบากเช่นนี้ ถ้ารู้มาก่อนว่าลำบากก็คงจะไม่ร่วมเดินทางมาด้วยอย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี