เหลือเวลาอีกเพียง 1 เดือนเศษๆ ก็จะเข้าสู่ปี 2564 ซึ่งก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้เปิดเผยว่า ในปีดังกล่าวประเทศไทยจะเข้าสู่ “สังคมสูงวัยสมบูรณ์” โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นสัดส่วนร้อยละ 20 หรือมากกว่าของประชากรทั้งหมด โดยหนึ่งในเรื่องน่ากังวลคือ “บุคลากรผู้ดูแลผู้สูงอายุยังขาดแคลน” เมื่อเทียบกับประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก
เมื่อเร็วๆ นี้ ทีมงาน “นสพ.แนวหน้า” ติดตามคณะทำงานของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ไปยัง จ.ลำปางเพื่อเยี่ยมชมการทำงานของ “ชมรมแม่มอกหลั่นล้าอีโคโนมี” ที่เริ่มต้นจากคนในชุมชนด้วยเครื่องมือการพัฒนา ณ ต.แม่มอก อ.เถิน จ.ลำปาง โดย สุทธิดาเลี่ยมสุข ซึ่งมาเข้าร่วมกับทางชมรมฯ เล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยประกอบอาชีพค้าขาย กระทั่งมีชมรมดังกล่าวเกิดขึ้น ทำให้รู้สึกสนใจและเข้าร่วมเรียนรู้
“เราอยากมีความรู้ในการบริบาลผู้สูงอายุนอกจากนี้ยังเป็นการสร้างการดำเนินชีวิตใหม่ และเป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงได้อีกทางหนึ่งด้วย ทำงานมาได้ 2 เดือน โดยใช้เวลาในการเรียนรู้หลักสูตรประมาณ 4 เดือน หลังจากที่ได้ทำงานด้านนี้ก็รู้สึกรักในการดูแลผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่อยู่ในการฟื้นฟู ซึ่งมีความรู้สึกภูมิใจที่ทำให้ผู้สูงอายุที่ดูแลมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นจากเดิม และมีกำลังใจที่จะทำงานนี้ต่อไป” สุทธิดา กล่าว
สุทธิดา เล่าต่อไปว่า นักบริบาลจะไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของผู้สูงอายุ จึงทำให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง โดยใช้เวลาทั้งวันและพักตอนผู้สูงอายุหลับ มีรายได้ประมาณ 2 หมื่นบาทต่อเดือนโดยผู้จ้างจะติดต่อผ่านชมรมฯ แล้วทางชมรมฯจะจัดสรรนักบริบาลผู้สูงอายุเข้าไปดูแล ทั้งนี้ แม้ในพื้นที่ต.แม่มอก อ.เถิน จ.ลำปาง จะมีผู้สูงอายุทุกหลังคาเรือนแต่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่สุขภาพแข็งแรง ไม่ใช่กลุ่มติดบ้านหรือติดเตียง
ด้าน ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ชมรมแม่มอกหลั่นล้าอีโคโนมี เกิดขึ้นในปี 2560 เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มลูกหลานแม่มอกจิตอาสารักบ้านเกิด ทั้งอยู่ในและนอกชุมชนอย่างไม่เป็นทางการที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของบ้านเมืองแม่มอกให้สามารถพึ่งพาตนเอง พึ่งพากันเองและพึ่งพาซึ่งกันและกัน ในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนร่วมกับรัฐ เพิ่มทางเลือกอาชีพงานบริการในอนาคต ที่ไม่ต้องรอพึ่งพาอาศัยการดูแลจากราชการแต่เพียงอย่างเดียว
การดำเนินการใช้แนวคิดทฤษฎี “หลั่นล้าอีโคโนมี” สร้างเศรษฐกิจชาติด้วยเศรษฐกิจฐานรากวัฒนธรรม พร้อมกับการสร้างวิชาชีพนักบริบาลผู้สูงอายุ จำนวน 90 ชีวิตใน 1 ตำบล ให้กับหญิงชาวนาที่ไม่ใช่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ให้บริการดูแลผู้สูงอายุรายชั่วโมงในโรงพยาบาลของรัฐ ให้บริการดูแล ผู้สูงอายุที่บ้านแบบรายวันหรือรายเดือน ผ่านการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบของชมรมฯ โดยมีกลไกการทำงานแบ่งเป็นทีม 4 ทีม คือ
1.ทีมปฏิบัติการ ได้แก่ เครือข่ายนักบริบาลผู้สูงอายุที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุระดับพื้นฐาน 80 ชั่วโมง จำนวน 30 คน และหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุขั้นสูง 420 ชั่วโมง จำนวน 60 คน โดยอาศัยศาลาการเปรียญในวัดเป็นห้องเรียนภาคทฤษฎี โดยทุกครั้งที่มีรายได้จากการออกให้บริการจะพร้อมใจกันบริจาคคืนให้ชมรมฯ ผ่าน “กองทุนพัฒนานักบริบาลผู้สูงอายุแม่มอกหลั่นล้าอีโคโนมี”ร้อยละ 5 ของรายได้ เพื่อรวบรวมจัดสวัสดิการให้กับนักบริบาลทั้งเครือข่าย
2.ทีมประสานงาน ประกอบด้วย ตัวแทนนักบริบาลผู้สูงอายุแม่มอกหลั่นล้าอีโคโนมีที่มีจิตอาสาช่วยประสานงานระหว่างเครือข่ายนักบริบาลกับผู้รับบริการในการจัดลำดับการให้บริการ การเบิกจ่ายค่าตอบแทนนักบริบาล การแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการให้บริการในเบื้องต้น ประสานระหว่างนักบริบาล3.ทีมอำนวยการ หรือทีมปรับปรุงงาน ประกอบไปด้วยตัวแทนของทีมปฏิบัติงานและทีมประสานงาน
สมาชิกชมรมแม่มอกหลั่นล้าอีโคโนมีหลากหลายวิชาชีพ ทำหน้าที่คอยให้การสนับสนุนทีมประสานงาน เอื้ออำนวยให้ทีมปฏิบัติงานสามารถออกให้บริการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งในรูปแบบการหารายได้จากการให้บริการดูแลผู้ป่วยในตึกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลตามความต้องการของญาติ และ 4.ทีมที่ปรึกษา ประกอบด้วยคณะผู้บริหารหน่วยงานราชการท้องที่ ท้องถิ่น ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือในชุมชน ผู้บริหารและคณะอาจารย์ที่ทำการสอน
ครูพี่เลี้ยงจากแหล่งฝึกประสบการณ์วิชาชีพตลอดระยะเวลา 2 เดือน ของนักบริบาลก่อนจบการฝึกทั้ง 4 สถาบัน คือ โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ที่ทำการฝึกประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยระยะท้ายและผู้ป่วยเคมีบำบัด โรงพยาบาลแวนแซนต์วูร์ดลำปาง ที่ทำการฝึกประสบการณ์การดูแลผู้สูงอายุเชิงธุรกิจและผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม โรงพยาบาลเวชชารักษ์ลำปาง ที่ทำการฝึกกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูสภาพผู้ป่วย และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ(ศพส.) จังหวัดลำปาง ที่ทำการฝึกประสบการณ์การดูแลผู้สูงอายุเชิงสงเคราะห์ทั้งระบบ
“รูปแบบของการหารายได้เสริมจากการทำเกษตรกรรมของหญิงชาวนา จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มได้จริงด้วยวิชาชีพนักบริบาลผู้สูงอายุแม่มอกหลั่นล้าอีโคโนมี ที่เกิดขึ้นจากเงินบริจาคทั้งหมด สู่การสร้างรายได้หลังการฝึกอบรมมากกว่า 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน ร่วมกับการออกให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ในรูปแบบจิตอาสาร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใน ต.แม่มอก อ.เถิน จ.ลำปาง
ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของการดำเนินกิจการธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterpriseที่สามารถสร้างรายได้ ควบคู่กับการสร้างคุณค่าในตัวเองด้วยการพัฒนากลไกที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขพร้อมรับสังคมสูงวัยภายใต้ความมีมาตรฐานแห่งวิชาชีพ เป็นที่ยอมรับของสังคมและสากล และถือเป็นเครื่องมือสำคัญของการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในทุกพื้นที่ของประเทศด้วยภาคประชาสังคมที่สำนึกในตัวตน มีความภาคภูมิใจในความเป็นชุมชนท้องถิ่น” ศ.ดร.เอนก กล่าว
ศ.ดร.เอนก ยังกล่าวอีกว่า ท้องถิ่นนิยมนั้นเทียบเท่ากับความรักชาติ ความภาคภูมิใจในชาติ หรือชาตินิยม มีความรับผิดชอบ ความเสียสละ และความมุ่งมั่นที่จะทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง มีความสามัคคีซึ่งกันและกัน มีสำนึกต่อการสร้างสาธารณประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง ไม่รอรัฐ ไม่รังเกียจรัฐ ไม่แข่งรัฐ หากเป็นการพัฒนาสังคมร่วมกับรัฐอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่
เป็นแบบอย่างแห่งความสมดุลของการทำหน้าที่เพื่อหารายได้ กับการทำหน้าที่พลเมืองจิตสำนึกสาธารณะควบคู่กันตลอดเส้นทาง!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี