เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 26 พ.ย.63 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงศ์เภตรา ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น., พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. ร่วมแถลงข่าวกรณีเกิดเหตุยิงกันหลังยุติการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร บริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ แยกรัชโยธิน (SCB) มีผู้บาดเจ็บจำนวน 2 ราย
พล.ต.ท.ภัคพงษ์ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บจากอาวุธปืนและจากการถูกทำร้าย รวม 2 คน ยืนยันว่าทั้งสองรายอยู่ในพื้นที่การชุมนุมและทำหน้าที่เป็นการ์ดรักษาความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม โดยสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากความโกรธแค้นส่วนตัว
ด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 22.00 น.ได้มีสื่อมวลชนทำการแถลงข่าวบริเวณหน้าอเวนิวส์ตรงข้าม SCB ระหว่างนั้นมีผู้ก่อเหตุเดินผ่านกล้องสามคน โดยทั้งสามคนมีการทะเลาะชกต่อยกันกับอีกกลุ่มที่อยู่ใกล้กัน โดยคนที่สวมหมวกกันน็อคสีขาว ได้ไปชกต่อยกับกลุ่มคนอีกกลุ่มทำให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ราว 10 คน ได้กรูเข้ามาทำร้ายจากนั้นคนที่สวมหมวกกันน็อคได้ขว้างวัตถุชนิดหนึ่งออกไปทำให้เกิดเสียงและมีกลุ่มควัน ก่อนทั้งสามคนจะวิ่งหลบหนีออกไปทางแยกรัชโยธิน
ระหว่างนั้นกลุ่มที่ถูกชกต่อยก็วิ่งไล่ติดตามไป ห่างจากจุดปาวัตถุระเบิดประมาณ 50 เมตร มีผู้ชายสวมฮูดแขนยาวสีเข้ม นุ่งกางเกงสีอ่อนขาสั้น วิ่งนำข้างหน้าและใช้อาวุธปืนยิงออกมา 4 นัด โดยหันปืนมาทางกลุ่มที่วิ่งไล่ตาม คนที่ถูกยิงได้ล้มลง ส่วนคนที่ยิงได้วิ่งหลบหนี แต่ถูกประชาชนช่วยจับไว้ได้ ส่วนอาวุธปืนพกลูกโม่ ยี่ห้อ สมิธแอนด์เวสสัน ตกในที่เกิดเหตุ พบปลอกในรังเพลิง 4 นัดในรังเพลิง ยังไม่ได้ยิงอีก1นัด ตรงกับพยานในที่เกิดเหตุที่บอกว่าได้ยินเสียงปืนดัง 4 นัด
ทั้งนี้ ฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเป็นที่เพียงพอและขออนุมัติศาลออกหมายจับเรียบร้อยและตัวผู้ต้องหาอยู่ รพ. โดย นายภาสพงศ์ กุลอมรกานค์ ผู้ใช้อาวุธปืนยิงศาลอาญาออกหมายจับในความผิด พยายามฆ่าผู้อื่น , มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต,พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเหตุยิงกันที่แยกเกียกกายแต่อย่างใด
"การสืบสวน พบความเคลื่อนไหวของ 2 กลุ่ม ว่ามีการทะเลาะรุนแรง ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา หลังเสร็จสิ้นชุมนุม 2 กลุ่มมาเจอกัน ทำให้เกิดทะเลาะและมีปัญหาเกิดขึ้น สำหรับผู้กระทำความผิดอยู่ในการชุมนุมและก่อเหตุ ส่วนอาวุธปืนเป็นปืนยีห้อสมิท มีทะเบียน โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาความเชื่อมโยง"พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า คนเจ็บยังรักษาตัวอยู่ยังให้ปากคำไม่ได้ แต่ยืนยันว่าทั้งสองกลุ่มมาทำหน้าที่การ์ดรักษาความปลอดภัย จากการรวบรวมหลักฐานเป็นเหตุความขัดแย้งของ2กลุ่ม ไม่ได้เป็นเรื่องอื่น ยืนยันว่าตำรวจดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ส่วนมาตรการดูแลการชุมนุมหลังจากนี้ ตำรวจย้ำเสมอว่าการชุมนุมทำได้แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ที่ผ่านมาตำรวจได้พยายามกำหนดขอบเขตพื้นการชุมนุมเพื่อให้กระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด เหตุที่เกิดขึ้นตำรวจเข้าพื้นที่ไม่ได้ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมบอกว่าจะดูแลเอง หากตำรวจเข้าไปก็จะถูกผลักดันออกมา ยืนยันหากผู้ชุมนุมประสานขอให้ตำรวจเข้าไปช่วยดูแลก็พร้อมจัดกำลังไปดูแลความปลอดภัยให้อยู่แล้ว เพราะมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่ใช่คู่ขัดแย้งและมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ของอเวนิวรัชโยธิน ซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 22.10 น. ของคืนวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คืนเดียวกับที่มีการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ เหตุการณ์ที่ปรากฏคือ หลังจากมีกลุ่มคนวิ่งกรูกันออกมากลุ่มหนึ่งได้เกิดกลุ่มควันสีขาวข้นลอยคลุ้งขึ้นตามหลัง และภาพเหตุการณ์อีกมุมที่ค่อนข้างชัดเจนคือเวลา 22.17 น. ชายรูปร่างอ้วนท้วม วิ่งหนีพร้อมเล็งปืนกลับหลัง คล้ายเล็งใส่กลุ่มคนอีกกลุ่มที่วิ่งติดตามหลังมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี