กลางปี’64ได้เฮ
นายกฯแจงเริ่มฉีดวัคซีนโควิด
ยันประสิทธิภาพสูง90%
เร่งเปิดปท.-ฟื้นวิกฤติศก.
ไทยป่วยโควิดอีก 16 ราย สธ.ชี้ไม่ใช่สิ่งน่ากังวล แสดงว่าไทยมีระบบตรวจเฝ้าระวังเข้มแข็ง นายกฯแจงผ่านเฟซบุ๊คความคืบหน้าจัดหาวัคซีนของไทย ระบุได้ลงนามข้อตกลง
กับอ็อกซ์ฟอร์ดและแอสทราเซเนกา ที่ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิดได้ระดับดีมาก เหมาะกับไทยทั้งราคาที่เข้าถึงได้ การเก็บรักษาไม่ยุ่งยาก ง่ายต่อการขนส่ง กระจายให้ถึงทั่วทุกจว.คาดผลิตและใช้ได้กลางปี64 ย้ำยิ่งดำเนินการได้เร็ว เปิดปท.รับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจทันท่วงที ย้ำคนไทยการ์ดอย่าตก
ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันที่ 26 พฤศจิกายนระบุ มีผู้ป่วยใหม่ 16 ราย ทำให้มียอดสะสม 3,942 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,454 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,488 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 3,788 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) 94 ราย เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อใหม่ 16 คนดังกล่าว มาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค(Quarantine) ผลตรวจพบเชื้อแต่ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ แบ่งเป็น 1.ผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย หญิงไทย อายุ 11 ปี อาชีพนักเรียน 2.มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ชายไทย อายุ 43 ปี อาชีพช่างเชื่อม 3.,มาจากคูเวต 1 ราย ชายไทย อายุ 44 ปี อาชีพเกษตรกร 4.มาจากกาตาร์ 1 ราย ชายไทย อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง 5.มาจากสวีเดน 1 ราย หญิงไทย อายุ 31 ปี อาชีพรับจ้าง 6.มาจากตุรกี 9 ราย รายที่ 1-2 เป็นหญิงไทย อายุ 33 ปี อาชีพแม่บ้าน และ 51 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว รายที่ 3-4 เป็นหญิงไทย อายุ 42 ปี และ 43 ปี อาชีพพนักงานนวด รายที่5 หญิงไทย อายุ 43 ปี อาชีพรับจ้าง รายที่ 6 ชายไทย อายุ 43 ปี รายที่7 หญิงไทย อายุ 51 ปี เป็นแม่บ้าน รายที่8 หญิงไทย อายุ 52 ปี อาชีพพนักงานนวด รายที่ 9 หญิงไทย อายุ 34 ปี เป็นแม่บ้าน 7.มาจากสวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย หญิงไทย อายุ 62 ปี เป็นแม่บ้าน 8.เดินทางมาจากคูเวต 1 ราย เพศหญิง สัญชาติคูเวต อายุ 23 ปี อาชีพครู มีประวัติติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 7 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อ
ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมากวันนี้ แสดงถึงหลายประเทศในโลกยังมีการระบาดต่อเนื่อง การที่ สธ.ตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากเข้าประเทศไม่ใช่สิ่งน่ากังวลหรือให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่แสดงให้เห็นว่าไทยมีระบบตรวจจับ เฝ้าระวังโรคเข้มแข็ง พบผู้ติดเชื้อไว ป้องกันนำเชื้อจากต่างประเทศมาแพร่ให้คนในประเทศมีประสิทธิภาพ
เวลา 16.00 น.วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมชี้แจงผ่านเฟชบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ถึงความคืบหน้าการป้องกันการระบาดของโควิด-19 และความสำเร็จของประเทศไทยว่า ขณะนี้ไทยมีแนวทางเดินไปข้างหน้า ในภาวการณ์ที่เรายังจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่กับการระบาดของโควิด ซึ่งตอนนี้ทั้งโลกตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดตั้งแต่เกิดการระบาดมา หลายประเทศมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตหลายร้อยหลายพันคน กระทั่งองค์การอนามัยโลกออกคำเตือนว่า มีโอกาสที่โควิด-19 จะระบาดอีกเป็นระลอกที่ 3 ช่วงปีหน้า ถ้าแต่ละประเทศไม่รักษาวินัย และไม่เข้มงวดควบคุมการระบาดอย่างเคร่งครัด
นายกฯยังขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วน และยอมรับที่ต้องเผชิญความยากลำบากในการทำมาหากิน เพื่อปกป้องบ้านเมือง ไม่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ เหมือนที่เกิดขึ้นหลายประเทศทั่วโลกความสำเร็จนี้เป็นสิ่งที่องค์การอนามัยโลกยอมรับไทย เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในโลกในการรับมือโควิด-19 ซึ่งความสำเร็จของไทย เป็นความร่วมมือของประชาชนทุกระดับทุกภาคส่วนในสังคม และการบริหารจัดการสรรพกำลังทุกอย่าง แบบบูรณาการของรัฐบาล นอกจากนี้ รัฐบาลเตรียมตัวรับมือวางแผนบริหารจัดการสำหรับการระบาดในระลอกต่อไปของโควิด-19 ไม่ให้โรคร้ายนี้สร้างปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และความยากลำบากในความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยไปมากกว่านี้
ส่วนการจัดการกับวิกฤตโควิด-19 ระยะยาวนั้น นายกฯกล่าวว่า การมีวัคซีนป้องกันและกระจายไปยังประชาชนให้ทั่วถึง ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนที่เป็นไปได้ว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่ง 3-4 กลุ่มอยู่ในขั้นตอนก้าวหน้ามากแล้ว โดยกำลังทดสอบความปลอดภัย ก่อนอนุญาตให้ใช้ได้จริง ทั้งนี้ ประเทศใหญ่ ๆ ในโลกต่างพยายามล็อกคิว เพื่อได้ใช้วัคซีนเป็นประเทศแรกๆ ทันทีที่วัคซีนได้รับการยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย แล้วผลิตเสร็จออกมา ตนเห็นว่าไทยก็สมควรที่จะได้รับโอกาสนั้นด้วย คือการเข้าถึงวัคซีนอย่างรวดเร็วและเพียงพอ เพราะการได้วัคซีนมาใช้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นเป็นปกติเร็วขึ้นด้วย จึงเป็นเหตุผลที่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ตนตัดสินใจว่า ไทยต้องเดินหน้าหาพันธมิตรผลิตวัคซีนในประเทศไทยให้ได้ ไม่ใช่เพียงไปเข้าคิวรอซื้อจากการผลิตในประเทศอื่นอย่างเดียว โดยเลือกจับมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ น่าจะมีโอกาสทำสำเร็จได้จริงและรวดเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงต่อว่า เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ความพยายามของเราประสบความสำเร็จ นอกจากได้ลงนามข้อตกลงกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัท แอสทราเซเนกา เพื่อผลิตวัคซีนในประเทศไทย หากการพัฒนาวัคซีนสำเร็จ สิ่งสำคัญคือ ไทยยังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีนด้วย และวันที่ 27 พฤศจิกายน จะลงนามเพิ่มเติมในอีกหนึ่งข้อตกลง เพื่อสั่งซื้อวัคซีนนี้ โดยเมื่อ 2-3 วันก่อน เรารับทราบข่าวดีว่า ทีมมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสทราเซเนกาประกาศความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนแล้ว ซึ่งมีประสิทธิภาพป้องกันโควิดได้ถึง 70-90% อยู่ในระดับที่ “ดีมาก”
นอกจากนั้น วัคซีนที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และบริษัทแอสทราเซเนกา พัฒนาขึ้น จะผลิตออกมาจำหน่ายได้ราคาถูกกว่า หากเทียบกับวัคซีนของที่อื่น และสำคัญมากกว่านั้นคือ วัคซีนนี้เหมาะสมกับประเทศไทยมากกว่า เพราะเก็บรักษาได้ไม่ยาก ในตู้เย็นธรรมดาอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ขนส่งเพื่อกระจายวัคซีนไปทั่วทุกจังหวัดของไทยได้ทั่วถึงไม่ยุ่งยาก
นายกฯกล่าวด้วยว่า คาดว่าวัคซีนนี้น่าจะได้รับอนุญาตให้ใช้และผลิตได้ช่วงกลางปี 2564 ซึ่งถ้าเราเร่งขั้นตอนเร็วเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เราเปิดรับคนจำนวนมากเข้าประเทศได้ และเริ่มสร้างฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาอีกครั้ง ขณะนี้ตนกำลังพิจารณาวางแผนกระบวนการ ขั้นตอน เตรียมการกระจายวัคซีนไปให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ของประเทศ ให้ได้รวดเร็ว ทันทีที่เราได้รับวัคซีน
ในตอนท้ายนายกฯยังกำชับว่า แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เรากำลังจะเข้าสู่เทศกาลต่างๆ ขอให้คนไทยทุกคนร่วมมือร่วมใจ เสียสละความสะดวกสบายส่วนตัว ในการยับยั้งป้องกันการระบาดของโควิด-19 มาตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ได้ช่วยกันอีกครั้ง ไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิต และบรรเทาไม่ให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจจนหนักหนาสาหัสในประเทศไทย เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นแล้วหลายประเทศทั่วโลก
“ผมขอให้ทุกคนยังรักษาวินัย ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างทางสังคม ขอให้ทุกคนช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในประเทศไทย เพื่อไม่สร้างความทุกข์ยากให้ประเทศ รุนแรงกว่าที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน”นายกฯกล่าว
สำหรับสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกนั้น พบผู้ติดเชื้อใน 218 ประเทศ ในรอบ 24 ชั่วโมงมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 609,204 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 60,792,689 ราย เสียชีวิตสะสม 1,428,178 ราย รักษาหายแล้ว 42,088,964 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกาติดเชื้อสะสม 13,139,882 ราย เสียชีวิตสะสม 268,262 ราย อินเดียติดเชื้อสะสม 9,266,705 ราย เสียชีวิตสะสม 135,261 ราย บราซิลติดเชื้อสะสม 6,166,898 ราย เสียชีวิตสะสม 170,799 ราย รัสเซียติดเชื้อสะสม 2,187,990 ราย เสียชีวิต 38,062 ราย และฝรั่งเศสติดเชื้อสะสม 2,170,097 ราย เสียชีวิตสะสม 50,618 ราย ประเทศไทยอยู่อันดับ 151 ของโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี