ด่วน! เชียงรายพบผู้ติดเชื้อโควิด2ราย รอลุ้นผลอีก4รายบ่ายวันนี้

ด่วน! เชียงรายพบผู้ติดเชื้อโควิด2ราย รอลุ้นผลอีก4รายบ่ายวันนี้

วันจันทร์ ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 10.19 น.

30 พฤศจิกายน 2563 ที่ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลาง จ.เชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และนายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมกันแถลงผลการตรวจพบเชื้อผู้ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงราย ว่าขณะนี้พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นผู้หญิงจำนวน 2 คน อายุ 26 ปีชาวอ.ขุนตาล จ.เชียงราย และ 23 ปีชาว จ.พะเยา  โดยทั้งคู่มีประวัติไปทำงานที่สถานบันเทิงเดียวกันใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เดินทางกลับประเทศไทยด้วยการลักลอบข้ามฝั่งลักลอบข้ามมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย 

ต่อมาทราบข่าวว่าเพื่อนผู้หญิงอายุ 29 ปีที่ จ.เชียงใหม่ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้หญิงสาวที่มีอายุ 26 ปีเกิดความกลัวจึงได้เดินทางไปขอตรวจโรคที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองเชียงราย ก็ปรากฎว่าพบเชื้อจึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์และทางเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนก็ตามไปตรวจสอบผู้หญิงที่มีอายุ 23 ปีที่ยังพักอยู่ที่โรงแรมโดยไม่ออกไปไหน เมื่อนำมาตรวจหาเชื้อก็พบว่าติดเชื้อเช่นเดียวกัน


โดยนายประจญ กล่าวว่า ทั้ง 2 รายนี้ อยู่ในการดูแลของแพทย์ ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว และทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดตามขยายผลไปถึงกลุ่มคนใกล้ชิดสัมผัสอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การพบเชื้อดังกล่าวไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายเพราะเชียงรายเป็นเมืองชายแดน ทำให้จังหวัดเคยทำแผนซ้อมเผชิญเหตุพื้นที่ อ.แม่สาย มาแล้วกระทั่งพบผู้ติดเชื้อดังกล่าวแต่ไม่ได้เกิดจากภายในจังหวัด แต่เกิดจากคนไทยด้วยกันที่ลักลอบข้ามไปทำงานในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แล้วลักลอบข้ามกลับมา

"ในขณะที่มีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้านนั้น ทางกองกำลังผาเมืองก็ได้วางกำลังเพิ่มเติมอีก 7 ชุดปฏิบัติการ ทาง จ.เชียงราย และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็สามารถจับกุมคนลักลอบเดินข้ามลำน้ำสายมาได้อีก 3 คน จึงนำตัวเข้าสู่กระบวนการกักตัวแล้ว รวมทั้งมีการประสานผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาระดับท้องถิ่น (ทีบีซี) เพื่อขอให้มีการติดหาตัวคนไทยที่ตกค้างซึ่งไม่ทราบจำนวนที่ชัดเจนเพราะเป็นการลักลอบข้ามไป เพื่อให้ทั้งหมดกลับสู่ประเทศไทยในช่องทางปกติเพื่อจะได้นำไปกักดูอาการและตรวจหาเชื้อให้ฟรีภายใต้แนวทางการป้องกันการระบาดไม่ใช่การดำเนินคดี" นายประจญ กล่าว

ทางด้านนายแพทย์ทศเทพ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยทั้ง 2 รายนั้น ได้ข้ามไปทำงานในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.2563 และลักลอบข้ามมายังฝั่งไทยพร้อมกันระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย.โดยมีประวัติแตกต่างจากหญิงสาวที่ติดเชื้อที่ จ.เชียงใหม่ เพราะหลังจากข้ามมาแล้วก็พักที่โรงแรมโดยไม่ออกไปไหน และเมื่อดูข่าวก็พบเพื่อนที่ทำงานด้วยกันในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านป่วยเพราะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับตัวเองก็เริ่มมีอาการป่วย ในวันที่ 28 พ.ย.จึงได้ว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างให้พาไปส่งที่โรงพยาบาลเอกชนใน อ.เมืองเชียงราย ก็ตรวจพบเชื้อและถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายนุเคราะห์เพื่อตรวจหาเชื้อก็พบผลเป็นบวกทั้ง 2 ครั้งคือในเวลาบ่ายของวันที่ 29 พ.ย.และเวลา 03.00 น.วันที่ 30 พ.ย.2563 ต่อมาวันที่ 29 พ.ย.เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปตรวจก็พบผลบวกทั้ง 2 ครั้งเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา 

"สำหรับเส้นทางของทั้ง 2 ราย ถือว่าไม่มากเพราะหลังจากลักลอบเข้ามาประเทศไทยก็พักอยู่ที่โรงแรมทำให้มีผู้สัมผัสที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงและต่ำรวมกันทั้งหมดจำนวน 26-30 คน เช่น พนักงานโรงแรมจักรยานยนต์รับจ้าง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ฯลฯ และสาเหตุที่ตัวเลขยังไม่นิ่งเนื่องจากผู้หญิงอายุ 23 ปีเคยสั่งอาหารไปที่ห้องจึงอยู่ระหว่างติดตามหาตัวคนรับส่งอาหารดังกล่าวอยู่จึงทำให้กลุ่มเสี่ยงทั้งหมดมีไม่เกิน 30 คนดังกล่าว โดยเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ 25-26 คน และเสียงสูงมีจำนวน 4 คนซึ่งได้ทำการตรวจหาเชื้อและผลจะออกมาในบ่ายวันที่ 30 พ.ย.2563 นี้  ทั้งนี้ยืนยันว่าทั้งคู่ให้การว่าไม่ได้ออกนอกเส้นทางที่แจ้งทั้งชาวเชียงรายและพะเยา" นายแพทย์ทศเทพ กล่าว

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : จับกักตัว! แก๊งเพื่อนสาว29ปีติดโควิด-19 พบตระเวนเที่ยวแม่สาย-นั่งรถทัวร์เตรียมไปพัทยา

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top