การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การเดินทางและการท่องเที่ยวหยุดชะงักลง รวมทั้งกิจการโรงแรมและรีสอร์ทต่างๆ
พอสถานการณ์ดีขึ้น รัฐบาลก็ผ่อนปรนให้มีการเดินทางภายในประเทศได้ ประชาชนก็เริ่มออกเดินทาง แถมรัฐบาลยังช่วยค่าเครื่องบิน ค่าโรงแรม และค่าอาหารก็ยังมีให้ด้วย ทำเอาประชาชนชาวไทยที่ชอบเดินทางสดชื่นขึ้น โรงแรม รีสอร์ท และผู้มีอาชีพก็สดใสมีชีวิตชีวาขึ้น รวมทั้งสายการบินที่บินตามเส้นทางในประเทศ ก็ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ
แต่สายการบินของไทยเอง ก็มีแค่การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส ไทยสมายล์ นกแอร์ ส่วนอีกหลายสายก็เป็นสายการบินต่างชาติ ที่มาจดทะเบียนโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ อยู่ในเมืองไทย ได้สิทธิบินไปทุกเส้นทางในประเทศไทย บางสายก็ใช้ชื่อประเทศของตนอย่างชัดแจ้ง เมื่อทำกำไรก็คงจะส่งผลกำไรกลับคืนไปยังบริษัทแม่ในประเทศเพื่อนบ้าน
หากเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัย หรือระบบเอื้อประโยชน์ต่อกัน (Reciprocity) โดยสายการบินของไทย เช่น บางกอกแอร์เวย์ส ไทยสมายล์ นกแอร์เข้าไปบินในเส้นทางบินในประเทศ (domesticroute) ของเขาได้บ้าง เราก็คงจะไม่ว่าอะไร เราก็เข้าไปบินเส้นทาง ฮานอย-โฮจิมินท์ซิตี้, กัวลาลัมเปอร์-โกตาบารูหรือปีนัง, จาการ์ตา-บาหลีหรือเมดานหรือโคตาคินาบารู ภายในประเทศของเพื่อนบ้านได้บ้าง ก็จะดูเป็นธรรมดีอยู่
การณ์คงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะสิทธิการบินเส้นทางในประเทศ (domestic route) ใครๆ เขาก็หวงเอาไว้บินโดยสารการบินชาติของตนทั้งนั้น
ประเทศไทยเองก็เคยเป็นเช่นนี้มา จนกระทั่งมีกฎหมายสงวนอาชีพหลายอย่างไว้ให้นิติบุคคลที่เป็นไทย จดทะเบียนในประเทศไทย มีผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นคนไทย กิจการบินของไทยเคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน
คนที่จะรักษากฎเกณฑ์และกฎหมาย คงไม่ใช่เอกชนทั่วไป น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ ที่มีหน้าที่ดูแลการจดทะเบียนบริษัท ซึ่งควรจะต้องดูแลด้วยว่า มีการใช้ nominee มาถือหุ้นแทนอยู่หรือเปล่า ส่วนการบริหารจัดการรวมทั้งการจัดการเก็บผลกำไรอยู่ในมือของชาวต่างชาติทั้งสิ้น
หรือว่ามีการหลับตาให้ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ แสร้งทำเป็นเพิกเฉยไม่รู้ไม่เห็นเสีย โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ
นอกจากนั้น ผู้อนุมัติให้สายการบินต่างชาติเข้ามาบินในเส้นทางภายในประเทศ ก็ไม่น่าจะเป็นใครได้ นอกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ถ้ารมต.สมัยนี้ไม่ได้เป็นคนทำ ก็จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ไหม
หรืออาจจะวางกฎเกณฑ์ให้บริษัทเหล่านี้นำหุ้นอย่างน้อย 60% เข้าตลาดหลักทรัพย์ของไทยเสีย โดย กลต.จะต้องควบคุมดูแลมิให้มีไอ้โม่งต่างชาติมาซื้อลอตใหญ่ๆ ไป แล้วอ้างเป็นสถาบันหรือผู้จัดการกองทุน
นอกจากการที่เราทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศโดยตรงแล้ว ท่านก็ควรจะดูสภาพที่ตั้งของประเทศไทยด้วยว่า เราจะใช้ประโยชน์อะไรจากกิจการบินได้บ้าง ในฐานะที่เราอยู่ใจกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สนามบินที่แม่สอดหรือที่จังหวัดตากก็น่าจะเป็นสนามบินที่ชาวกะเหรี่ยง ชาวไทยใหญ่จะมาใช้มากๆ ในการเดินทางไปสู่โลกกว้าง
สนามบินที่หนองคาย มุกดาหาร ก็น่าจะเป็นสนามบินนานาชาติที่มีพี่น้องชาวลาวจะใช้เดินทางไปฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา หรือที่อื่นใดในโลก
โครงสร้างพื้นฐานที่ทำก่อน ย่อมอำนวยความสะดวกได้ก่อน และได้ลูกค้าไว้ก่อน
ส่วนการบริหารจัดการ โดยนิติบุคคลคนเดียว (การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย) ผูกขาด ก็น่าจะได้รับการพิจารณาแก้ไขปรับปรุง เพราะ ทอท.จะทำหน้าที่แลนด์ลอร์ด (Land Losd) อย่างเดียว ขึ้นค่าเช่าพื้นที่ ขึ้นค่าธรรมเนียมขึ้น-ลง ค่าธรรมเนียมจอด และค่าธรรมเนียมต่างๆ จนสายการบินสู้ไม่ไหวการสร้างสนามบินในจังหวัดต่างๆ ก็จะไม่ได้ผลดังที่มุ่งหมาย
สนามบินระดับรองในต่างจังหวัด ควรมอบหมายให้ท้องถิ่นบริหารจัดการเองหรือไม่ จะได้แข่งกับ ทอท. ในการนำเครื่องบินระหว่างประเทศและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เข้ามายังประตูต่างๆ (gateways) ของประเทศ องค์กรในท้องถิ่นก็น่าจะมี อบจ., สภาหอการค้า, เทศบาลนครฯ ที่ตนเองมีศักยภาพบริหารจัดการได้
ทั้งนี้ โดยมีรัฐ (กรมการขนส่งทางอากาศ, คณะกรรมการบินพลเรือน) ดูแลด้านมาตรฐาน ความปลอดภัย ฯลฯ
หากจะศึกษาพิจารณาเรื่องการบริหารจัดการสนามบินในส่วนภูมิภาค ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากแล้ว ก็อย่าลืมดูแลเรื่องสิทธิการบินเส้นทางในประเทศของสายการบินแห่งชาติ การแก้ไขปัญหา nominee ของการจดทะเบียนนิติบุคคล และการนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วย เพราะสามประการหลังนี้ แก้ไขได้โดยไม่ต้องเสียงบประมาณเลย
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี