ราชทัณฑ์แจงยิบปมขาดแคลน‘ผ้าอนามัย’ เหตุผู้ต้องขังหญิงไทยมากอันดับ 1 โลก
1 ธันวาคม 2563 กรมราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงว่า ในปัจจุบันกรมราชทัณฑ์ได้วางแนวทางในการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดสวัสดิการผ้าอนามัยสำหรับผู้ต้องขังหญิง ซึ่งได้มีการส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงให้ได้รับการปฏิบัติอย่างมีมาตรฐาน และเป็นไปตาม พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ในส่วนที่ 4 สุขอนามัยของผู้ต้องขัง ประกอบกับระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับการอนามัยและการสุขาภิบาล พ.ศ.2561หมวดที่ 2 สุขอนามัยของผู้ต้องขัง โดยเฉพาะข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิง และมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (ข้อกำหนดกรุงเทพ หรือ The Bangkok Rules) ซึ่งกำหนดให้เรือนจำมีการสนับสนุนอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวให้แก่ผู้ต้องขังหญิงทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ประกอบด้วย เสื้อ ผ้าถุง ผ้าเช็ดตัว ยกทรง กางเกงใน ผ้าขนหนู สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอก และผ้าอนามัย
อย่างไรก็ดี ปัญหาสำคัญของประเทศไทย คือ จำนวนผู้ต้องขังหญิงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 มีจำนวนผู้ต้องขัง 42,772 คน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จากปี 2551 ซึ่งมีจำนวนเพียง 26,321 คน และจากสถิติปรากฏข้อมูลว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้ต้องขังหญิง มากเป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย หรือ หากเทียบกับประชากร 100,000 คน ถือว่าประเทศไทย มีอัตราส่วนผู้ต้องขังหญิงเป็นอันดับ 1 ของโลก
ในปัจจุบันกรมราชทัณฑ์ มีผู้ต้องขังหญิงในการควบคุมดูแล จำนวน 44,328 คน แต่เป็นผู้ต้องขังหญิงที่อยู่ในวัยที่มีประจำเดือน ซึ่งจะได้รับการแจกผ้าอนามัย จำนวนประมาณ 40,000 คน โดยในแต่ละปีกรมราชทัณฑ์ได้รับงบประมาณเป็นค่าจัดซื้อผ้าอนามัยแจกผู้ต้องขังหญิง เฉลี่ยคนละ 120 แผ่นต่อปี หรือคนละ 10 แผ่นต่อเดือน และกรมราชทัณฑ์ยังได้ประสานงานเครือข่ายภาคสังคมในการสนับสนุนสวัสดิการและสงเคราะห์ผู้ต้องขังในส่วนนี้เพิ่มเติม ทั้งนี้ หากเกิดกรณีผ้าอนามัยที่แจกเพื่อสวัสดิการไม่เพียงพอ หรือไม่เป็นไปตามรสนิยมของแต่ละบุคคล เรือนจำได้มีบริการร้านค้าสงเคราะห์เพื่อสวัสดิการผู้ต้องขัง เพื่อเป็นทางเลือกในการซื้อผ้าอนามัยส่วนตัวตามความพึงพอใจของแต่ละบุคคล
โดยผ้าอนามัยที่เป็นสวัสดิการผู้ต้องขังหญิง เป็นสินค้าที่ถูกควบคุมคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)และผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างถูกต้องตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญมีการติดตามประเมินการเข้าถึงบริการสุขภาพพื้นฐานซึ่งเป็นการดำเนินการโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ และมีระบบการควบคุมมาตรฐานการดำเนินงาน โดยกำหนดเป็นตัวชี้วัดการปฏิบัติราชการของเรือนจำ ในการดำเนินการตามมาตรฐานเรือนจำ 10 ด้าน ด้านที่ 9 มาตรฐานด้านการให้บริการผู้ต้องขัง การอนามัยเรือนจำ (ข้อ 63-70)
จากการตรวจสอบข้อมูลการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำต่างๆ ไม่พบว่ามีข้อเท็จจริงในเรื่องการลักขโมยผ้าอนามัยกันในเรือนจำแต่อย่างใด ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้กำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ผู้ต้องขัง มีการปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัย ซึ่งหากมีการลักขโมยหรือทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นในเรือนจำก็จะมีการดำเนินการทางวินัยกับผู้ต้องขัง และบทลงโทษตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2560
สำหรับกรณีกลุ่มนิสิตคณะผู้จัดทำโครงการ The Women in that day project ได้เผยแพร่เนื้อหา “ปัญหาผ้าอนามัยในเรือนจำ” ผ่านช่องทาง Facebook Twitter และ Instagram ในวันที่ 27 ตุลาคม 2563ทางกลุ่มนิสิตได้รับแจ้งจากองค์กรที่เกี่ยวข้องว่าข้อมูลในเนื้อหาดังกล่าวอาจมีความคลาดเคลื่อน และมีการใช้ภาษาที่อาจสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ต้องขังหญิง รวมไปถึงภาพลักษณ์ขององค์กรที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ทางกลุ่มนิสิตฯ ได้ตระหนักถึงปัญหาและความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จึงขอแสดงความเสียใจและขอโทษในเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น และขอน้อมรับความผิดพลาดดังกล่าวด้วยการลบเนื้อหา “ปัญหาผ้าอนามัยในเรือนจำ” ออกจากทุกช่องทางที่ได้เผยแพร่ไปแล้ว
กรมราชทัณฑ์ขอเรียนเพิ่มเติมว่า แม้กรมราชทัณฑ์จะได้รับการจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายของผู้ต้องขังแต่ละคนต่อปีค่อนข้างจำกัด อันส่งผลต่อค่าจัดซื้อผ้าอนามัยแจกผู้ต้องขังหญิงด้วยนั้น แต่กรมราชทัณฑ์ยังคงยึดมั่นปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงให้เป็นมาตรฐาน เพื่อให้ผู้ต้องขังหญิงที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลได้รับการปฏิบัติอย่างมีมาตรฐาน และพร้อมที่จะดำเนินการแก้ไขปรับปรุง และพัฒนาให้ได้มาตรฐานต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี