วันที่ 1 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช รายงานว่า หลังเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมหลายพื้นที่ในหลายอำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ติดต่อกันหลายวัน ล่าสุดเช้าวันนี้ฝนยังตกหนักหลายอำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช เป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะเขต อ.เมือง อ.พรหมคีรี อ.ลานสกา อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ชะอวด อ.ท่าศาลา อ.หัวไทร อ.สิชล อ.ขนอม อ.นบพิตำ อ.ปากพนัง อ.ทุ่งสง อ.ช้างกลาง อ.ฉวาง อ.พิปูน อ.พระพรหม อ.เฉลิมพระเกียรติ ทำให้ระดับน้ำในลำคลองสายต่างๆ เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนของราษฎรและถนนสายต่างๆเป็นบริเวณกว้าง ถนนหลายสายรถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เนื่องระดับน้ำท่วมสูง ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร ,ตชด.และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต่างๆ หลายพื้นที่เร่งเข้าช่วยเหลืออพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยหลายจุดไปอยู่ในที่ปลอดภัยบ้างแล้ว ขณะที่เขตเทศบาลนครศรีธรรมราช นำป่าจากเทือกเขาหลวงที่ไหลลงคลองท่าใหญ่ และคลองท่าดี มีปริมาณมากเต็มคลอง คาดว่าหากฝนยังไม่หยุดตกในวันนี้ น้ำจากคลองดังกล่าวจะไหลเข้าท่วมในเขตเทศบาลนครศรีธรรมราชอย่างแน่นอน
ขณะที่น้ำตกทั้ง 6 แห่ง ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช มีน้ำป่าไหลหลากตลอดเวลา โดยเฉพาะที่น้ำตกพรหมโลก อ.พรหมคีรี มีน้ำป่าไหลหลากเชี่ยวกรากลงด้านล่างตลอดเวลา ทำให้น้ำในลำคลองต่างๆในพื้นที่ อ.พรหมคีรี มีระดับสูงล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนของชาวบ้านหลายหลัง
ขณะเมื่อเวลา 11.20 น.วันที่ 1 ธ.ค.63 ที่ถนนสายบ้านนับเภา - ในยาด หมู่ 8 ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เกิดน้ำท่วมถนนสูงประมาณ 60 - 70 ซม.ระหว่างนั้นมีรถยนต์กระบะคันหนึ่งสีขาว ไม่ทราบยี่ห้อทะเบียน มีคนขับคนเดียวเป็นคนต่างถิ่น ขับฝ่าน้ำท่วมถนนสายดังกล่าว แต่ไม่ชำนาญเส้นทาง ทำให้รถเสียหลักตกลงคูน้ำริมถนนเกือบจมมิดทั้งคัน โชคดีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์เข้าช่วยเหลือนำร่างคนขับออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยยังไม่ทราบว่าคนขับเป็นใคร อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ด้านนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายสนั่น สนธิเมือง ปลัดจังหวัด และนายอุดมพร กาญจน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นที่บริเวณประตูระบายน้ำบ้านแสงวิมาน ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ มีผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปากพนังล่าง พร้อมด้วยนายอำเภอปากพนัง ผู้นำท้องถิ่นท้องที่ ร่วมรายงานสถานการณ์ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งปลูกส้มโอทับทิมสยาม แต่เป็นพื้นที่รับน้ำจากคลองบางจาก ก่อนไหลออกทะเล จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ตรวจติดตาม สถานการณ์การน้ำ บริเวณประตูระบายน้ำบางไทร ต.บ้านใหม่ อ.ปากพนัง เป็นประตูระบายน้ำจุดสุดท้ายที่รับน้ำมาจากอำเภอเฉลิมพระเกียรติและบางส่วนจากอำเภอเมือง ก่อนระบายลงแม่น้ำปากพนัง และออกทะเลอ่าวไทย
นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกหนักถึงวันที่ 3 ธันวาคมนี้ ประกอบกับในช่วง 1-3 วันนี้น้ำทะเลหนุนสูงด้วย ทำให้การระบายน้ำออกสู่ทะเลได้ช้า ไม่สามารถเปิดประตูระบายน้ำได้ในช่วงที่น้ำทะเลหนุน อย่างที่ประตูระบายน้ำบ้านแสงวิมาน หากเปิดประตูระบายน้ำจะทำให้น้ำทะเลไหลเข้ามาในพื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะสวนส้มโอทับทิมสยามเสียหายได้ และน้ำจะท่วมขังนาน การแก้ไขปัญหาเฉพาะได้สั่งการให้ชลประทานติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่งคราว 3 จุดรวม 6 เครื่อง เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ พร้อมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ บริเวณด้านหน้าประตูระบายน้ำด้วย เพื่อช่วยเร่งการระบายน้ำ และผลักดันน้ำทะเลไม่ให้หนุนเข้าในพื้นที่น้ำจืด นอกจากนี้ให้ทางอำเภอปากพนัง สนับสนุนกระสอบทรายกั้นแนวถนนที่เป็นเป็นที่ลุ่มต่ำ เพื่อกั้นน้ำไม่ให้ท่วมถนนและบ้านเรือน ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวจะมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำถาวรและยกระดับถนนให้สูงขึ้นด้วย
สำหรับที่ประตูระบายน้ำบางไทร ในช่วงที่น้ำทะเลยังหนุนไม่สูงมากนัก ทางชลประทานได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 4 เครื่องช่วยเร่งการระบายน้ำ แต่หากช่วงใดที่น้ำทะเลหนุนสูงประมาณ 90 -100 เซนติเมตร จะปิดประตูระบายน้ำทันทีเพื่อป้องกันน้ำเค็มหนุนเข้ามา แต่เมื่อน้ำทะเลลงก็จะเปิดบานประตูระบายน้ำใหม่อีก อย่างไรก็ตามทางชลประทานจะมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเร่งการระบายน้ำที่ประตูระบายน้ำเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเครื่องสูบน้ำของกรม ปภ.พร้อมสนับสนุนด้วย สำหรับเขตตัวเมืองนครศรีธรรมราช ทางเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และชลประทาน ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่เสี่ยง 8 จุด จำนวน 30 เครื่อง
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า วันนี้(1ธ.ค.63) เป็นวันแรกของการเปิดเทอมจึงขอแจ้งเตือนไปยังโรงเรียนให้ระมัดระวังอย่าให้เด็กเล่นน้ำเพราะบางพื้นที่น้ำเชี่ยวไหลแรงอาจจะทำให้เด็กจมน้ำได้ และให้ระมัดระวังเรื่องไฟฟ้ารั่วไฟฟ้าลัดวงจรด้วย สำหรับสถานการณ์อุทุกภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการประกาศเขตให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย ) จำนวน 7 อำเภอ 45 ตำบล 222 หมู่บ้าน
ในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเวลา13.00 น.นายทรงชัย วงศ์วัชรดำรง นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง ออกตรวจระดับน้ำในคลองท่าเลา พบว่าระดับน้ำลดลง น้ำมีสีน้ำตาลขุ่น ไหลระบายได้ค่อนข้างเร็ว จากนั้นไปตรวจดูระดับน้ำที่ฝายควนกรด
นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง กล่าวว่าที่คลองท่าเลาในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสงระดับน้ำได้ลดลง 1.20 เมตร เมื่อเทียบกับช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา รวมทั้งทุกลำคลอง ระดับน้ำลดลง เพราะมีการขุดลอกคลอง เก็บสิ่งกีดขวางทางน้ำ และที่ฝายทดน้ำควนกรดได้เปิดทางน้ำเพิ่มขึ้น 100% จากเดิมเปิดเพียง 20% เพื่อให้ระบายน้ำได้รวดเร็วขึ้น แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อไปเนื่องจากว่า ยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันมะรืนนี้ และอาจจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ขณะที่คลองท่าเลามีการก่อสร้างถนนเลียบคลอง ได้สั่งการให้ผู้รับเหมา รื้อดินและเสาเข็มที่ค้างในลำคลอง ทำให้ระบายน้ำได้เร็วขึ้น ขอเตือนพี่น้องประชาชนอย่าได้นิ่งนอนใจ เพื่อความไม่ประมาทขอให้ยกของขึ้นที่สูงเอาไว้ก่อน และติดตามสถานการณ์สภาพอากาศอย่างใกล้ชิด
ส่วนการเตือนภัย เทศบาลเมืองทุ่งสง มีศูนย์บริหารจัดการน้ำ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอดเวลา ได้ตั้งจุดวัดระดับน้าไว้ที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รายงานสถานการณ์น้ำให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หากจะมีน้ำหลากลงมาจะแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบล่วงหน้า กรณีได้รับความเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือแจ้งได้ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองทุ่งสง 075411111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ล่าสุดสภาพอากาศที่ทุ่งสง ตั้งแต่เช้าวันนี้ท้องฟ้าปิด มีแต่เมฆฝน ไม่มีแดดออกฝนตกอย่างต่อเนื่อง ในแม่น้ำลำคลองมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี