ย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2560 หน่วยงานด้านน้ำหน่วยงานใหม่ได้จัดตั้งขึ้นตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 46/2560 ภายใต้ชื่อ “สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)” ทั้งนี้เพื่อต้องการให้การบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบมีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว ลดความซ้ำซ้อน ของหน่วยงานด้านน้ำ โดยจะทำหน้าที่ในการบูรณาการงาน ข้อมูล แผนงาน โครงการ งบประมาณ ตลอดจนการติดตามประเมินผล และการควบคุมการปฏิบัติงาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ผ่านไป 3 ปี ก้าวขึ้นปีที่ 4 ผลงานสทนช.เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น จากเดิมที่หลายคนมองว่า สทนช.จะเป็แค่เสือกระดาษทำอะไรไม่ได้แน่นอน!!!!
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. คนแรกและคนปัจจุบัน สามารถนำทัพขับเคลื่อนภายใต้ขีดจำกัดในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลากร เครื่องไม้เครื่องมือในการทำงาน สถานที่ทำงานกฎหมายที่ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน การหวงงานดึงหรือถ่วงเรื่องจะของงานเดิม เป็นต้น แต่ก็สามารถขับเคลื่อนผลออกได้อย่างน่าพอใจ
ไม่ว่าจะเป็นการบูรณาการขับเคลื่อนแผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ซึ่งมี 5แผนงานและอีก 1 แนวทาง คือ แผนปฏิบัติการด้านการจัดการน้ำเสียชุมชน 20 ปี แผนปฏิบัติการโครงการเพื่อการพัฒนาปี 2562-2563 แผนหลักการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน แผนปฏิบัติการด้านการจัดการน้ำต้นทุน จ.ภูเก็ต แผนบูรณาการอุตุนิยมวิทยาเขตร้อนปี 2562-2563 และแนวทางด้านการจัดการคุณภาพน้ำ
นอกจากนี้ สทนช.ยังได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญอีก 526 โครงการ ในจำนวนนี้เป็น โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ถึง151 โครงการ รวมทั้งยังได้บูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณด้านทรัพยากรน้ำและติดตามประเมินผลโครงการรวมๆ แล้วมากกว่า 50,000 โครงการ มูลค่าเกือบ 200,000 ล้านบาท
ทุกโครงการมุ่งประโยชน์สู่งสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 ก็เป็นอีกผลงานหนึ่งที่ สทนช.ผลักดันจนประสบผลสำเร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกกฎหมายลำดับรอง หรือ กฎหมายลูก เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ทั้งในเรื่อง การใช้น้ำ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟูอนุรักษ์ และการรวมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ขับเคลื่อนภารกิจด้านน้ำไปในทิศทางเดียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมในทุกมิติที่มีความสมดุลและยั่งยืน
พระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ พ.ศ….. ซึ่งเป็นกฎหมายลูกฉบับแรกได้ผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างทูลเกล้าฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย โดยจะแบ่งลุ่มน้ำใหม่จาก 25 ลุ่มน้ำเหลือ 22 ลุ่มน้ำ และกฎหมายลูกอีกฉบับคือ กฎกระทรวงองค์กรผู้ใช้น้ำ พ.ศ........ กำลังอยู่ขั้นตอนการตรวจพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา
กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับนี้มีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยสร้างกลไกการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถจัดสรรน้ำได้อย่างเท่าเทียม
ทั่วถึง และเป็นธรรม
รายละเอียดจะความสำคัญและมาเล่าให้ฟังในวันศุกร์หน้าครับ....
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี