“ในหลวง” พระราชทานถุงยังชีพ 1 หมื่นชุด ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ด้านนายกฯ เตรียมลงพื้นที่ นครศรีธรรมราช 7 ธันวาคม เยี่ยมชาวบ้าน-มอบถุงยังชีพ
ขณะที่สถานการณ์ที่เมืองคอน บางพื้นที่น้ำเริ่มลด ส่วนยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 11 ศพ สูญหายอีก2ราย ปภ.เผย 7 จังหวัดยังมีน้ำท่วมขัง ประสานหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ว่า กองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 4 ยังคงจัดกำลังทหาร 575 นาย ชุดแพทย์เคลื่อนที่ 7 ชุด และยุทโธปกรณ์ รถบรรทุกขนาดใหญ่ 40 คัน ร่วมกับทางจังหวัดสนับสนุนการอพยพคน ขนย้ายสิ่งของสู่พื้นที่ปลอดภัย การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ส่งมอบสิ่งของอุปโภค-บริโภค อำนวยความสะดวกในการสัญจรให้กับประชาชน การจัดตั้ง รถครัวสนามพระราชทาน แจกจ่ายอาหารปรุงสุกให้กับประชาชน 7 คัน รวมทั้งการรับส่งประชาชนบริเวณท่าอากาศยานยาน โดยยังดำรงการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง
พระราชทานถุงยังชีพช่วยผู้ประสบภัย
และในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 10,000 ชุด ได้จัดกำลังเข้าช่วยการขนส่ง สิ่งของพระราชทาน นำไปมอบให้ผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน เริ่มจุดแรก ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 19 อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ กองทัพบกได้จัดกำลังสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่ 22 ศูนย์บรรเทาสารณภัย ในการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบอุทกภัยในทุกด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งนำสิ่งของพระราชทาน ถุงยังชีพ อาหาร น้ำ กระจายไปยังผู้ประสบภัยให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ ประชาชนสามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 โทรศัพท์ 075-383405 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายกฯลงพื้นที่กรวดน้ำท่วม7ธ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีกำหนดจะลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม โดยตามกำหนดการในช่วงเช้าเวลา 07.00 น. นายกฯ และคณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง โดยเครื่องบินทหาร ไปยังจังหวัดนครรีธรรมราช จากนั้นลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัย และมอบเครื่องอุปโภค บริโภค ที่ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ จากผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และชลประทานจังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นนายกฯ และคณะจะเดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลหูล่อง อ.ปากพนัง เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ และมอบเครื่องอุปโภค บริโภคประชาชน ก่อนจะเดินทางกลับกรุเทพฯในเวลา 12.00 น.
ถนนในเมืองคอนน้ำเริ่มลด
สำหรับสถานการณ์ที่ จ.นครศรีธรรมราช สภาพน้ำท่วมถนนสายต่างๆ เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เช่น ถนนสายเทวบุรี ตลอดสายยังมีน้ำท่วม โดยเฉพาะหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หน้า อบจ.ยังท่วมสูง แต่รถสูงยังวิ่งผ่านไปได้ ถนนสายเลียบทางรถน้ำยังท่วมสูง รถเล็กยังผ่านไม่ได้ ถนนสายประตูลอดยังท่วมรถเล็กยังผ่านไม่ได้ ถนนสายพัฒนาการคูขวางยังท่วม แต่รถสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วต่ำ ขณะที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราชระดับน้ำลดลงสู่ภาวะปกติแล้วรถสามารถวิ่งเข้าออกไปตามปกติ ขณะที่ถนนทางเข้าสนามบินเมืองคอนน้ำลดแล้ว ระดับน้ำทั่วไปเริ่มลด
คาด1-2วันเป็นปกติยกเว้นปากพนัง
โดยในช่วงเช้าพบว่าท้องฟ้าเปิดแดดออก ไม่มีฝนตกแล้ว ทำให้ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้วในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะระดับน้ำในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชแม้น้ำจะเริ่มลดลงก็ตามแต่ก็ยังมีน้ำท่วมทุกตรอกซอกซอยระดับสูงอยู่ ถนนหลายสายยังใช้การไม่ได้ ชาวบ้านยังต้องใช้เรือพายเข้าออกซอยอยู่ ขณะที่ถนนราชดำเนินดำเนินน้ำลดลงแล้ว ยกเว้นบริเวณถนนราชดำเนินบริเวณคอสะพานราเมศวร์ถึงสนามกีฬาระดับน้ำยังท่วมอยู่ ถนนพัฒนาการคูขวางระดับน้ำยังท่วมสูงอยู่ รถสามารถวิ่งผ่านได้แล้ว ถนนสายเทิดพระเกียรติระดับน้ำลดลง ถนนประตูลอดน้ำยังท่วมอยู่รถเล็กยังผ่านไม่ได้,ถนนสายพุทธภูมิ น้ำลดลงแล้ว
ส่วนอำเภอที่ยังมีน้ำท่วมอยู่ประกอบด้วย อ.เมือง อ.ปากพนัง อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เชียรใหญ่ อ.พระพรหม อ.ท่าศาลา ซึ่งคาดว่าหากฝนไม่ต่ำซ้ำลงอีกภายใน1-2 วันนี้ระดับน้ำจะลดลงเข้าสู่ภาวะปกติต่อไป แต่ที่ อ.ปากพนัง คาดว่าจะถูกน้ำท่วมขังหนักและนานกว่าทุกอำเภอเพราะเป็นพื้นที่สุดท้ายก่อนน้ำลงทะเล ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลานานเป็นเดือน
ยอดเสียชีวิตพุ่ง11รายสูญหาย2
สำหรับยอดจำนวนผู้จมน้ำเสียชีวิตสังเวยน้ำท่วมของ จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุด 11 รายแล้ว ประกอบด้วย รายแรกที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ นายสมบูรณ์ ภาษากล อายุ 40 ปี จมน้ำเสียชีวิตในพื้นที่น้ำท่วมในหมู่บ้าน อ.เฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. รายที่ 2 พื้นที่ อ.พระพรหม น.ส.จริยา สังข์อินทรีย์ อายุ 27 ปี และรายที่ 3 ด.ช.นฤบดินทร์ สังข์อินทร์ อายุ 5 ปี เป็นแม่ลูกกัน สาเหตุนั่งเรือโดยสารขนาดเล็กหนีน้ำออกจากบ้านเพื่อมาพักบนถนน ระหว่างนั้นเรือล่มเป็นเหตุให้ 2 แม่ลูกจมน้ำเสียชีวิตบริเวณถนนที่ถูกน้ำท่วมหลังป้อมจราจร สภ.พระพรหม 5 แยกนาพรุหมู่ 1ต.นาพรุ อ.พระพรหม เมื่อค่ำ2 ธ.ค.
รายที่ 4 พื้นที่ อ.นาบอน นายวิชิตร ไชยคชบาล อายุ 65 ปี จมน้ำเสียชีวิตหลังบ้านถูกน้ำท่วมที่บ้านเลขที่ 116/1 หมู่ 7 ต.แก้วแสน อ.นาบอน เมื่อ 20.00 น.วันที่ 2 ธ.ค. รายที่ 5 พื้นที่ อ.ฉวาง นางจิราภร วงศ์วัสดิ์ อายุ 48 ปี ถูกกระแสน้ำพัดตกคลองหมู่บ้านเสียชีวิตเมื่อ 2 ธ.ค. รายที่ 6. พื้นที่ อ.นบพิตำ น.ส.วิภารัตน์ ไม้ค้าง อายุ 27 ปี สาเหตุเนื่องจากขับรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีดำ ข้ามสะพานคลองกลาย หมู่ 1 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ กระแสน้ำเชี่ยวพัดสะพานขาดขนรถตกสะพานจมน้ำเสียชีวิต เมื่อบ่าย 2 ธ.ค. รายที่ 7 พื้นที่ อ.เมือง นางสมบูรณ์ ชื่นเพชร อายุ 63ปี จมน้ำเสียชีวิตในซอยข้างบ้านเลขที่ 9/2 หมู่ 3 ต.มะม่วงสองต้น อ.เมืองนครศรีธรรมราช เช้าวันที่ 3 ธ.ค. รายที่ 8 อ.เมือง นางโบตี๋ ตันติเบญจธรรม อายุ 82 ปี เดินหกล้มจมน้ำที่กำลังท่วมในบ้าน ที่ในบ้านเลขที่ 1542/1 ซอยหน้าทักษิณ 3 ต.ท่าวัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 13.00 วันที่ 3 ธ.ค.
รายที่ 9 ที่ อ.ทุ่งใหญ่ นายมานิต อินทกูล อายุ 62ปี จมน้ำขณะดักปลาภายในสวนปาล์ม หมู่ 3 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 2 ธ.ค.และรายที่ 10 นางจิณตมัย เรืองพันธ์ อายุ 51ปี จมน้ำเสียชีวิตภายในซอยเตาหม้อ ถนนสายสะพานยาว อ.เมืองนครศรีธรรมราชเมื่อเวลา 20.00น. วันที่ 3 ธ.ค.และรายที่ 11 นายสมบัติ ขาวสังข์ อายุ 51 ปี จมน้ำเสียชีวิตขณะออกไปดักอวนหาปลาที่บริเวณข้างสนามกีฬาเทศบาลเมืองปากพนัง อ.ปากพนัง เมื่อเวลา 08.00น.วันที่ 3 ธ.ค.
นอกจากนี้ ยังมี 2 ราย สูญหายหาร่างไม่เจอที่ รายแรก นายสุข บุญศรีพัฒน์ อายุ 57 ปี พื้นที่ ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 2 ธ.ค.อยู่ระหว่างการค้นหาร และ อีกรายที่ อ.สิชล นายอดิศักดิ์ ศรีปาน อายุ 33 ปี เป็นลูกเรือประมงถูกคลื่นซัดตกเรือจมหาย ยังค้นหาร่างไม่เจอเช่นกัน
เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกท่วมอีกรอบ
มวลน้ำป่าระลอกใหม่จากเทือกเขาสันกาลาคีรี ไหลทะลักมาเติมมวลน้ำก้อนเดิม ที่ยังมีอยู่เต็มพื้นที่นราธิวาส ภายหลังเกิดฝนตกหนักใน 13 อำเภอของจังหวัด ทำให้ระดับน้ำแม่น้ำสุไหงโก-ลกในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้น และล้นตลิ่งเข้าท่วมถนน รวมถึงบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำและพื้นที่ลุ่มต่ำ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เป็นรอบที่ 2
ปภ.รายงานอุทกภัยภาคใต้11จังหวัด
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก และวาตภัยในพื้นที่ภาคใต้ 11 จังหวัด 90 อำเภอ 469 ตำบล 2,960 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 314,639 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังใน 7 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา และยะลา
สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ ดอนสัก กาญจนดิษฐ์ วิภาวดี ท่าฉาง บ้านนาเดิม เคียนซา ชัยบุรี พุนพิน เวียงสระ คีรีรัฐนิคม และไชยา รวม 66 ตำบล 384 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,524 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
กระบี่ น้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ เขาพนม และลำทับ รวม 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 67 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
นครศรีธรรมราช น้ำท่วมขังในพื้นที่ 23 อำเภอ ได้แก่ เมืองนครศรีธรรมราช ลานสกา เชียรใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ชะอวด ปากพนัง จุฬาภรณ์ หัวไทร สิชล นบพิตำ ท่าศาลา ขนอม นาบอน ทุ่งสง ร่อนพิบูลย์ ทุ่งใหญ่ บางขัน พิปูน ฉวาง พรหมคีรี ถ้ำพรรณา ช้างกลาง และพระพรหม รวม 150 ตำบล 1,054 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 184,750 ครัวเรือน
ตรัง น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ เมืองตรัง นาโยง ห้วยยอด รัษฎา รวม 15 ตำบล 61 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,261 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
พัทลุง น้ำท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ เมืองพัทลุง ป่าบอน ศรีนครินทร์ กงหรา ตะโหมด ควนขนุน เขาชัยสน ปากพะยูน ป่าพะยอม บางแก้ว และศรีบรรพต รวม 65 ตำบล 670 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 46,284 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
สงขลา น้ำท่วมขังในพื้นที่ 13 อำเภอ ได้แก่ เมืองสงขลา จะนะ สะเดา หาดใหญ่ ควนเนียง สิงหนคร นาหม่อม รัตภูมิ บางกล่ำ สทิงพระ ระโนด กระแสสินธุ์ และคลองหอยโข่ง รวม 70 ตำบล 435 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 56,873 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ยะลา น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ เมืองยะลา บันนังสตา และยะหา รวม 5 ตำบล 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 351 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ส่งจนท.ระบายน้ำ-ช่วยผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมและสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี