หากจะว่ากันแล้วการเกษตรไม่ว่าจะในระดับโลกหรือระดับประเทศ นอกจากจะเป็นแหล่งอาหารแล้ว ยังถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคั่งทางเศรษฐกิจ ทั้งจากผลของการเกษตรโดยตรงหรืออาจใช้เป็นฐานในการสนับสนุนส่วนธุรกิจอื่นมาต่อยอดสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจนั้น และขยายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ สำหรับผู้ประกอบการที่มองเห็นช่องทางในการสร้างธุรกิจของตนให้กว้างขวางออกไป โดยอาจขยายไปยังธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวพันกัน เช่น ธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง หรือธุรกิจที่ไม่ได้เกี่ยวพันกันโดยตรง เช่น ธุรกิจสื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง เป็นต้น
นอกจากการเกษตรเป็นฐานของเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและพื้นฐานทางวัฒนธรรม โดยแต่ละท้องถิ่นต่างมีวิถีและวัฒนาธรรมเป็นของตนเองโดยผูกพันกับการทำการเกษตรในท้องถิ่นนั้น ในแต่ละขั้นตอนของการทำการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการทำนา ทำสวน ทำไร่ ทำการประมง หรือการเลี้ยงสัตว์ แต่ละท้องถิ่นจะมีวิถีทางวัฒนธรรมของตนเองสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นความเชื่อและความศรัทธาที่มีต่ออาชีพของบรรพบุรุษที่สืบต่อมายังคนรุ่นปัจจุบัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านบทเพลงพื้นบ้าน การละเล่นท้องถิ่น ประเพณีต่างๆ บทเพลงบางบทเพลงที่ถูกถ่ายทอดเมื่อในอดีตปัจจุบันไม่เหลือภาพดังกล่าวให้เห็นแล้ว เช่น ดอกฝ้ายบานที่เมืองเลย สาวสวนแตงแห่งเมืองสุพรรณ เป็นต้น ส่งผลให้ผู้คนเป็นจำนวนมากที่เติบโตมาในวิถีดังกล่าวโหยหาความเป็นอยู่และประเพณีวัฒนธรรมเมื่อครั้งก่อนท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของกระแสวัฒนธรรมและวิธีการทำการเกษตรที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว
แนวคิดการพัฒนาการเกษตรให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจึงเป็นการผูกความถวิลหาวิถีการเกษตรเข้ากับวิถีการท่องเที่ยว โดยมีหลายลักษณะด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวชมความงดงามของแปลงเกษตร เช่น แปลงทานตะวัน ทุ่งนา แปลงดอกไม้ ไร่ชา เป็นต้น บางพื้นที่ถึงกับจัดเป็นกิจกรรรมประจำปีอย่างกรณีของเทศกาลท่องเที่ยวทุ่งทานตะวัน การท่องเที่ยวเชิงเกษตรบางลักษณะรวมกันเป็นชุมชน ออกมาในรูปของการท่องเที่ยวชุมชน ในลักษณะของวิถีผู้คนในชุมชนนั้น โดยนักท่องเที่ยวมีโอกาสเข้าพักกับผู้คนในชุมชนในลักษณะของโฮมสเตย์ หรือ ฟาร์มสเตย์ ร่วมกิจกรรมการเกษตรในชุมชน กิจกรรมทางวัฒนธรรม ร่วมประกอบอาหารท้องถิ่น บางชุมชมผมเห็นให้นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการเพาะปลูก เช่น การทำนาปลูกข้าวมีการสื่อสารกันในแต่ละระยะของการเจริญเติบโตของข้าว และเชิญชวนให้มาร่วมกิจกรรมในแปลงนาที่ร่วมกันปลูกอย่างต่อเนื่องหรืออย่างไม้ผลก็มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน โดยให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสช่วยผสมเกสรทุเรียนและซื้อทุเรียนต้นที่ตัวเองผสม สามารถเป็นเจ้าของต้นทุเรียนได้โดยไม่ต้องมีสวนทุเรียนเป็นของตนเอง มีเกษตรกรตัวจริงคอยดูแลจัดการและส่งข้อมูลการเจริญเติบโตให้ทราบผ่านทางระบบไลน์ เมื่อถึงเวลาเก็นผลผลิตก็มาร่วมเก็บผลผลิตด้วยกัน เป็นการสร้างความผูกพันให้เกิดขึ้น ผลทุเรียนที่เก็บเกี่ยวนักท่องเที่ยวที่ซื้อไว้ สามารถซื้อผลผลิตทั้งหมด หรือบางส่วนก็ได้โดยราคาเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ในครั้งแรก ซึ่งจะเห็นว่ารูปแบบการท่องเที่ยวเชิงการเกษตรมีรูปแบบที่หลากหลาย และมีวิวัฒนการมาโดยตลอด ตามสภาพแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่นและความเข้มแข็งของท้องถิ่นนั้น ทั้งในลักษณะเกษตรกรรายย่อย ชุมชนท่องเที่ยว หรือบริษัทเอกชน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องพิจารณาทบทวนน่าจะเป็นนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวดังกล่าว การผลักดันอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดผมสัมฤทธิ์ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังไม่สามารถควบคุม ส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำเป็นต้องส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทยให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้คนในประเทศเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น จากรูปแบบการท่องเที่ยวเติมๆ ทั้งการเที่ยวชมธรรมชาติ โบราณสถานเพียงอย่างเดียว มาเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ได้ความรู้ ความเพลิดเพลิน เพิ่มความหลากหลาย เป็นช่องทางในการสร้างความเข้าใจในอาชีพการเกษตรของพี่น้องเกษตรกรสาขาต่างๆ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมเห็นข่าวท่านนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยงเชิงเกษตรอยู่หลายแหล่ง ก็ได้แต่หวังว่าประเด็นดังกล่าวทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะนำไปดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มเข็ง เพื่อความอยู่ดีกินดีของพี่น้องเกษตรกรและผลประโยขน์ของคนในชาติร่วมกัน
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี