เมื่อราวต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำนักเลขานุการแอปเตอร์ ได้มีโอกาสพาคณะเจ้าหน้าที่ไปศึกษาดูงานในประเทศไทย โดยได้ไปเยี่ยมชม 3-4 จุดด้วยกัน ทั้งนี้ก็อย่างที่ได้เคยเล่าไปแล้วว่า เราต้องการที่จะเพิ่มความรู้และประสบการณ์ให้แก่เจ้าหน้าที่ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าทันโลกทันเหตุการณ์ เพราะในเวทีระหว่างประเทศนั้น เราจะต้องพบปะกับคนทุกชั้นทุกตำแหน่ง ตั้งแต่ระดับเสมียนไปจนถึงระดับรัฐมนตรี ยิ่งหน่วยงานของเราเป็นลักษณะหน่วยบริการกลางเพื่อประเทศสมาชิก ดังนั้นเจ้าหน้าที่เราทุกคนต้องมีความ smartand up to date กันพอสมควร เพราะต้องตอบคำถามต่างๆ ได้เกือบทุกเรื่อง เท่าที่เขาจะต้องการคำตอบ
คณะเราได้ไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ที่ตั้งอยู่อำเภอธัญบุรี ริมคลองรังสิต เพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับงานวิจัยข้าวของประเทศไทยในด้านต่างๆ ความจริงการที่น้องๆ ในที่ทำงานแอปเตอร์เสนอว่าอยากไปชมศูนย์วิจัยข้าวแห่งนี้ในฐานะที่อดีตที่ผมก็เคยรับราชการทำงานอยู่ในกรมการข้าวมาก่อน ก็รู้สึกเฉยๆ เพราะสถานที่แห่งนี้ เคยไปมานับครั้งไม่ถ้วน แทบจะทราบเกือบทุกรายละเอียด แต่กระนั้นเพื่อประโยชน์ของเจ้าหน้าที่แอปเตอร์ดังที่กล่าวแล้ว ก็เห็นว่าพวกเขาจะได้ประโยชน์ ก็เลยสนับสนุนให้ไปกัน
ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ตั้งมาจนครบร้อยปีไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้เอง เป็นศูนย์วิจัยข้าวแห่งแรกของประเทศไทย เท่าที่ทราบ การจัดตั้งเกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งในสมัยนั้นทุ่งรังสิต ถือเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญยิ่งของประเทศ เป็นแหล่งผลิตข้าวเพื่อบริโภคภายในและยังสามารถส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศได้ จนกระทั่งเป็นที่มาของการขุดคลองรังสิตในระยะต่อมา เพื่อประโยชน์ในการชลประทานนาข้าว และเพื่อให้มีการค้นคว้าวิจัยด้านวิทยาการข้าวควบคู่กันไป ศูนย์ฯ แห่งนี้จึงถือกำเนิดขึ้น ถือเป็นพระวิสัยทัศน์ของในหลวงรัชกาลที่ 5 ที่ทรงวางรากฐานงานวิทยาศาสตร์ด้านข้าวที่ทรงคุณค่ามาจนตราบกระทั่งปัจจุบัน และทุกวันนี้กรมการข้าวได้พยายามอนุรักษ์รวบรวมข้อมูลและประวัติการจัดตั้งรวมทั้งสิ่งก่อสร้างต่างๆ ไว้อย่างพร้อมมูล และศูนย์แห่งนี้ก็ถือว่าเป็นศูนย์อันดับต้นๆ ของกรมการข้าว ที่มีอยู่ทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 28 ศูนย์ รวมทั้งเป็นศูนย์หลักสำหรับต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อจากต่างประเทศที่มาดูงาน หรือมาฝึกอบรมทั้งนี้เนื่องจากมีระยะทางไม่ห่างจากกรุงเทพฯ อีกทั้งก็มีวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งกิจกรรมงานวิจัยข้าวที่ค่อนข้างครบถ้วน เมื่อเทียบกับศูนย์อื่นๆ ที่เหลือ ผมเน้นว่าวัสดุอุปกรณ์ค่อนข้างครบถ้วน เมื่อเปรียบเทียบกับศูนย์อื่นในประเทศไทยนะครับ
แต่หากจะไปเปรียบเทียบกับของประเทศญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ที่ผมเคยไปเห็น หรือแม้กระทั่งสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (International Rice Research Institute:IRRI) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “อีรี่” ที่ตั้งอยู่ประเทศฟิลิปปินส์แล้ว ของเรายังเป็นรองเขาแบบไม่เห็นฝุ่น ทั้งๆ ที่ประเทศเรานับยี่สิบกว่าปีติดต่อกันที่เราสามารถส่งข้าวออกจำหน่ายเป็นอันดับหนึ่งของโลก คิดเป็นมูลค่าเงินตราปีละมากกว่าแสนล้านบาท แต่การลงทุนเพื่อสร้างศักยภาพในการผลิตข้าวบ้านเรายังไม่รับการเหลียวแลเท่าที่ควรเลยครับ เรื่องนี้คงมิใช่ทางเจ้าหน้าที่ของกรมการข้าวเท่านั้นที่บ่นรำพึงรำพัน แต่ผมก็เคยได้ยินผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ก็พูดออกทางสื่ออยู่เสมอ เช่น ผู้ส่งออกข้าว ผู้ประกอบการโรงสี รวมทั้งฝ่ายชาวนาโดยตรง
ไหนๆ จะพูดแล้ว ก็ขอระบายเสียเลยนะครับ และก็มิใช่เพื่อประโยชน์ของใครตัวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผมออกจากวงการมานานแล้ว แม้แต่จำนวนคนที่ทำงานเรื่องการพัฒนาการผลิตข้าวก็แสนจะจำกัดจำเขี่ย เสียเหลือเกิน เมื่อแรกเริ่มตั้งกรมการข้าวเมื่อสิบปีที่แล้ว มีการเขียนบทบาทภารกิจขององค์กรไว้เสียใหญ่โต ปานว่าจะทำทุกอย่างให้สำเร็จแบบเนรมิต แต่ให้คนมาเพียงกระหยิบมือเดียว บางภารกิจที่เขียนไว้ กลับต้องไปไหว้วานหน่วยงานอื่นทำให้ ทั้งที่ตัวชี้วัดด้านข้าวเขาก็ไม่มี ทำไปก็ไม่เกิดผลดีแก่เขา ลำพังแค่งานเดิมของเขาแท้ๆก็เต็มกลืนอยู่แล้ว สุดท้ายงานก็ออกมาไม่เต็มร้อย และไม่เป็นไปตามทฤษฎีสวยหรูที่ฝ่ายออกแบบผู้ไม่เคยรู้เคยเห็นความจริงคาดฝันเอาไว้ ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งในหลายๆ ความล้มเหลวของระบบราชการบ้านเรา เขียนไปเขียนมาเลยจบตรงที่ปัญหาที่คนระดับนโยบายน่าจะรู้แต่กลับไม่รู้นี่แหละครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี