‘บ่อน’ผลักยอดติด‘โควิด’พรวด สธ. ย้ำใครมีประวัติไปมาให้กักตัว เปิด'จุดเสี่ยง'โยงผู้ติดเชื้อ
5 มกราคม 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ผู้ป่วยไทยวันนี้มี 527ราย เป็นติดเชื้อในประเทศ 82 ราย ติดเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุกโดยเฉพาะ จ.สมุทรสาคร 439 ราย ซึ่งทีมงานสมุทรสาครกำลังเร่งไปตรวจหาเชื้อ โดยเฉพาะพื้นที่มีแรงงานจำนวนมาก จึงทำให้มีตัวเลขเพิ่มขึ้น ส่วนสถานที่กักกันมี 6 ราย
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาตามจังหวัดมีผู้ป่วยกระจายไป 56 จังหวัด โดย จ.น่าน เพิ่มขึ้น และ จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับบ่อนไก่ ดังนั้นต้องย้ำว่าสถานที่แออัด รวมตัวกันจำนวนมาก ไม่สวมแมส เวลามีปัญหาป่วยก็ไม่ค่อยบอก ทำให้การสอบสวนยาก ขอให้เลิกพฤติกรรมเหล่านี้จะได้ช่วยประเทศ ขอให้ร่วมมือกัน
ส่วนกรณีกลุ่มก้อนระบาดสมุทรสาคร การระบาดขณะนี้มีการแพร่กระจายเชื้อไป 2,226 ราย มากที่สุดก็จังหวัดสมุทรสาคร โดยกระจายไป 45 จังหวัด เป็นชาวไทยเมียนมา 71% ชายไทย 24% และอื่นๆอีก5% ส่วนที่กระจายไปจังหวัดอื่นๆ ต้องขอชื่นชมในพื้นที่ที่ควบคุมโรคได้ดี ไม่กระจายมากกว่านี้
“สำหรับ จ.ระยอง จะแตกต่างจากสมุทรสาครที่เกิดจากแรงงานลักลอบผิดกฎหมาย มีการอยู่อย่างแออัด แต่ระยองเป็นการลักลอบเล่นการพนัน โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 63-3 ม.ค.64 รวม 426 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอายุเฉลี่ย 49 ปี มีอาการป่วย 43% ไม่มีอาการ 57% แต่ที่สำคัญคือ กลุ่มนี้มีการแพร่ระบาดเชื้อไปยังครอบครัว ชุมชน ไปกลุ่มนักเรียน กลุ่มนี้สัมพันธ์เสี่ยงสุดกับสถานที่เล่นพนัน รองลงมาบ่อนไก่ และฟิตเนต รวมทั้งสถานบันเทิง ตลาด โรงเรียน” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส ระบุว่า อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมการกระจายเชื้อยังกระจุกในสมุทรสาคร กรุงเทพฯ และภาคตะวันออก การควบคุมจึงมีการควบคุมพื้นที่เหล่านี้สูงสุด โดยเข้มงวดมาก 5 จังหวัด คือ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยพื้นที่เหล่านี้จะต้องเข้มงวดตามจุดเสี่ยงต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าเป็นพื้นที่แดงเข้ม
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป และปฏิบัติหน้าที่รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีเหตุการณ์เชื่อมต่อ จ.ระยอง ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเดินทางออกไปยังพื้นที่อื่นๆ อยู่ โดยคนมีปัจจัยเสี่ยง คือ ไปสถานที่เล่นการพนัน และบ่อนไก่ และยังมีฟิตเนต โดยกรณีผู้ป่วยโควิดเพศชายอายุ 33 ปี จ.ลำปาง ที่เดินทางมาจาก จ.ระยอง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปเล่นฟิตเนต โดยเดินทางไป จ.เชียงใหม่วันที่ 25 ธ.ค. ด้วยเครื่องบิน เมื่อมาถึงเชียงใหม่ก็เดินทางด้วยรถยนต์ไปโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการสวมหน้ากากอนามัยระหว่างเดินทาง
ทั้งนี้ มีเพื่อนมารับ 3 คน โดยเพื่อนมาจากเชียงใหม่ 1 คน ลำปาง 2 คน ต่อมาเพื่อน 2 คนใน 3 คนตรวจพบโควิดเมื่อวันที่ 2 ม.ค. โดย สสจ.ลำปางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันสอบสวนโรคและติดตามผู้สัมผัส ซึ่งไทม์ไลน์นี้เกี่ยวข้องกับพื้นที่ 3 จังหวัด คือเชียงใหม่วันแรก 25 ธ.ค. และลำพูนวันที่ 26 ธ.ค. เดินทางด้วยรถเช่า เมื่อผ่าน จ.ลำพูนมีการแวะเซเว่น และวันที่ 26 ธ.ค. แวะที่ลำปาง
นพ.โสภณ ระบุว่า พบเพื่อนที่ดื่มเหล้าด้วยกันมี 2 คนติดเชื้อ คนอื่นยังไม่พบ แต่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงรวม 64 คน ซึ่งตัวเลขจะปรับเปลี่ยนอีกหลังจากมีการค้นหาเพิ่มเติม สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงก็แนะนำให้เฝ้าระวัง สังเกตอาการให้มีการวัดไข้ สังเกตอาการ 14 วัน ระหว่างนี้อย่าคลุกคลีใกล้ชิดกับใคร โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากมีอาการต้องไปตรวจวินิจฉัยยัง รพ. ให้สวมหน้ากากอนามัยไป และหลีกเลี่ยงรถสาธารณะ ให้ไปรถส่วนตัว หากไม่มีให้โทร.รพ.ใกล้บ้าน ให้รถพยาบาลมารับ ส่วนผู้เสี่ยงต่ำปฏิบัติตัวคล้ายกัน ช่วง 14 วันให้สังเกตอาการ
“ขณะนี้พบว่า มีผู้ป่วยเกี่ยวข้องกับบ่อนพนันมากขึ้น หลายครั้งเพิ่งให้ข้อมูล ใครที่มีประวัติเล่นการพนันทั่วประเทศ ขอให้ข้อมูลที่เป็นจริง เราพบผู้ป่วยอย่างน้อย 5 จังหวัดประมาณ 47 ราย ที่เกี่ยวข้องกับสนามชนไก่ที่อ่างทอง โดยอ่างทอง 39 ราย และจังหวัดอื่นๆ อย่างสิงห์บุรี 4 ราย อยุธยา 2 ราย ลพบุรี 1 ราย และ สุพรรณบุรี 1 ราย ดังนั้นใครที่มีประวัติเล่นการพนันไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ให้สังเกตอาการตนเองที่บ้าน 14 วัน หากมีอาการให้ตรวจที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทร.สอบถาม 1422” นพ.โสภณ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี