สวัสดีปีใหม่ 2564 ผู้อ่านคอลัมน์ซอกแซกอาเซียนทุกท่านครับ ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่สาหัสสากรรจ์ของใครหลายคนผลจากการแพร่ระบาดของเจ้าโควิด-19 ในปีนี้ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ขอให้มีพลานามัยที่แข็งแรง พร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในปีวัวทองกันนะครับ
ฉบับที่แล้วจบลงตรงที่ว่าข้าวหอมมะลิไทยมีผลผลิตต่ำ เหตุเพราะความเป็นธรรมชาติของข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่มักให้ผลผลิตต่ำ บวกกับสภาพความเป็นนาน้ำฝนในภาคอีสานที่แสนจะแห้งแล้ง ครานี้ก็จะมาคุยต่อว่า แล้วนักวิจัยไทยแก้ไขไม่ได้หรือไงเพื่อทำให้ข้าวหอมมะลิได้ผลผลิตสูงขึ้น ตอบก่อนเลยครับว่า ทำได้ แล้วก็ทำสำเร็จมาเป็นจำนวนหลายพันธุ์แล้วด้วย หากแต่ระบบการตั้งชื่อข้าวหอมพันธุ์ใหม่ของเรากลับไม่แยบยลหรือปราศจากกลยุทธ์ทางด้านการตลาด ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจนิดนะครับว่า คำว่าข้าวหอมมะลิ ถือเป็นชื่อทางการค้า หรืออาจจะเรียกว่าแบรนด์สินค้าก็ได้ มาจากพันธุ์ข้าวที่ชื่อว่า ขาวดอกมะลิ 105กับ กข 15 (จำนวน 2 พันธุ์) ที่ผ่านมาการที่จะบังคับให้ข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ออกลูกให้ดกให้เยอะโดยตัวเขาเองก็ทำได้เพียงระดับหนึ่ง เพราะบอกแล้วไงว่าเขาเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่ออกลูกได้เพียงเท่านั้น วิธีที่นักวิจัยทำได้ ซึ่งก็เป็นวิธีมาตรฐานที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเขาทำกันก็คือ ต้องเอาพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ไปผสมกับพันธุ์อื่นๆ ที่ออกลูกดกแล้วก็พยายามผสมกลับให้เกิดคุณลักษณะเหมือนหรือเป็นข้าวขาวดอกมะลิ 105 เดิมให้มากที่สุด แต่กระนั้นก็ตามการที่พ่อหรือแม่พันธุ์เปลี่ยนไป ลูกที่เกิดมาก็คงเป็นเรื่องยาก ที่จะให้มีคุณสมบัติทุกอย่างเหมือนเป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์กับข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 แท้ๆ ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะรูปพรรณสัณฐานของเมล็ดเหมือนกัน ความนุ่มหอมใกล้เคียงกัน แต่ย่อมมีอะไรสักอย่างที่ต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารพันธุกรรม ที่เรียกว่า DNA หรือ ดีเอ็นเอ
พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ที่กรมการข้าวพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงขึ้นนี้ยกตัวอย่างก็เช่น ข้าวที่ถูกตั้งชื่อพันธุ์อย่างไม่แยบยลว่า “ปทุมธานี 1” และพันธุ์ที่มีชื่ออื่นๆอีกหลายพันธุ์ ซึ่งข้าวหอมพันธุ์ใหม่ๆ นี้สามารถให้ผลผลิตได้สูงมาก ทัดเทียมกับข้าวต่างประเทศที่ว่าสูงเลยทีเดียว เท่ากับว่าเป็นการแก้ไขปัญหาพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เดิมที่ให้ผลผลิตต่ำได้อย่างน่าชมเชย แต่อนิจจา ด้วยความที่ระบบการตั้งชื่อของไทยเราดังกล่าวเลยกลายเป็นว่าข้าวขาวดอกมะลิ 105 เดิม ผลผลิตต่ำอยู่อย่างไร ก็ต่ำอยู่อย่างนั้น มิหนำซ้ำข้าวหอมพันธุ์ใหม่ที่นักวิจัยอุตส่าห์อดตาหลับขับตานอน ใช้เวลานับ 10 ปี กว่าจะได้มา กลับไม่สื่อถึงความสำเร็จในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 รวมทั้งไม่สามารถส่งขายในนามข้าวหอมมะลิได้เสียอีก ทั้งชาวนาและพ่อค้าโรงสีก็เดือดร้อน หนักไปกว่านั้น โรงสีและผู้รับซื้อข้าวหอมบางคนยังก่นด่านักวิจัยต่อไปอีกว่า ออกพันธุ์ข้าวอะไรมาทำให้ตลาดสับสนรวมทั้งทำให้ข้าวขาวดอกมะลิ 105 เดิมถูกฆ่า (บางคนบอกว่าเป็นพันธุ์ข้าว ลูกฆ่าแม่) อ้าว..อยู่ดีๆ ก็ทำคุณบูชาโทษไปจนนักวิจัยอยากจะลาออกจากราชการไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ความจริงก็ต้องเห็นใจพวกนักวิจัยเขานะครับ เกือบทั้งหมดพวกเขาจบการศึกษาทางด้านเกษตรมายอมรับว่าเขาไม่ถนัดในเรื่องการค้าการตลาดนักหรอก เขาจึงจำเป็นต้องมีนักเศรษฐศาสตร์หรือนักการตลาดเข้ามาเป็นที่ปรึกษา หรือประกอบเป็นคณะกรรมการพิจารณารับรองพันธุ์ข้าวนั่นแหละ ก็ช่วยพวกเขาหน่อยสิ
แล้วปัญหาการตั้งชื่อพันธุ์ข้าวที่ว่าไม่แยบยล หรือปราศจากกลยุทธ์ทางการตลาดนั้น จะแก้ไขอย่างไร ผมขอตอบเลยครับว่า ต้องเอาอย่างวิธีการตั้งชื่อพันธุ์ข้าวแบบ ข้าวบาสมาติ ไงครับ ผมเชื่อว่าคนในแวดวงข้าว ไม่มีใครที่ไม่รู้จักข้าวหอมชื่อดังระดับโลกของอินเดีย ปากีสถานที่ชื่อว่า ข้าว “บาสมาติ” เพราะข้าวพันธุ์นี้เป็นข้าวหอมที่ซื้อขายในตลาดตะวันออกกลางในราคาที่สูงมาก สูงกว่าข้าวหอมมะลิของไทยเราด้วยซ้ำ นักวิจัยของเขาก็มีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวบาสมาติมาโดยวิธีผสมพันธุ์ตลอดมาเช่นเดียวกัน แต่ทว่า การตั้งชื่อพันธุ์ใหม่ของเขาไม่หนีไปจากคำว่า “บาสมาติ” เลย เช่นปัจจุบันมี พันธุ์บาสมาติ370 บาสมาติ 386 ปูสาบาสมาติ ซูเปอร์บาสมาติ ฯลฯ แต่ที่สำคัญคือทุกพันธุ์ที่ได้ผลผลิตออกมา สามารถส่งจำหน่ายในนามข้าว “บาสมาติ”ได้ทั้งสิ้น ขณะที่ของเรามีเพียง 2 พันธุ์เท่านั้น ที่กำหนดภายในกันเองว่าเป็นข้าวหอมมะลิ นอกนั้นไม่ใช่ แถมยังท้าพิสูจน์ความเป็นของแท้ด้วยการตรวจ ดีเอ็นเอ เสียอีก ทั้งที่ข้าวบาสมาติไม่เคยพบมีการเรียกร้องให้มีการตรวจ ดีเอ็นเอ แต่ประการใดเลย
ขออนุญาตยังไม่จบนะครับเรื่องพันธุ์ข้าว ไหนๆ ก็จะพูดแล้ว เพื่อประโยชน์ของประเทศและชาวนาไทย ผมขออนุญาตต่อความยาวครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี