รองอธ.อัยการปราบทุจริตภาค 9 ยกเคสสอนใจ คุกหัวโตข้าราชการสาวอบต.พัทลุงทุจริตภาษีที่ดิน 82 ครั้ง 9 หมื่นกว่าบาท ศาลอุทธรณ์ยืนคุกอ่วม
เมื่อวันที่ 9 ม.ค.64 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษกสำนักงาน อัยการปราบปรามการทุจริตภาค 9 เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฯคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามทุจริตภาค9ยื่นฟ้ อง น.ส.มนัสวี หรือชุมภูนุช หรือแอน สีมังมาศ จำเลยคดีหมายเลขดำที่ อท 55/2562 คดีหมายเลขแดงที่ อท 14/2563 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาเงินภาษีและค่าธรรมเนียม ฯ รายได้ของท้องถิ่น เป็นของตนโดยทุจริตรวม 82 ครั้ง เบียดบังทรัพย์รวม 93,163.26 บาท เป็นของตนเองโดยทุจริต
โดยพนักงานอัยการระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า จำเลย ขณะรับราชการ ตำแหน่งพนักงานส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนตำบลหารเทา (อบต.หารเทา) อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ 2 มีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนียม และรายได้อื่น ๆ ออกใบเสร็จรับเงิน รวบรวมเอกสารส่งให้การเงินและนำเงินฝากธนาคาร ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547 ให้แก่รัฐ แต่จำเลยได้อาศัยอำนาจหน้าที่จัดเก็บและรับเงินภาษีบำรุงที่ดิน ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน และรายได้อื่น ๆ จากผู้เสียภาษี แต่กลับไม่นำเงินเข้าบัญชีเงินฝากหรือส่งมอบให้แก่ อบต.หารเทา ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย โดยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการหลายกรรมต่างกัน รวม 82 กรรม
การที่จำเลยได้กระทำเป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตรา ดังนี้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91, 147, 157พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 3, 13 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 7
คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 63 ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 82 กระทงจำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 410 ปี
จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ค
รวมจำคุก 205 ปี แต่เมื่อรวมโทษความผิดทุกกระทงแล้วคงให้จำคุกจำเลยไว้ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ในส่วนนี้คือเงินที่จำเลยเบียดบังไปจำเลยได้นำส่งคืนให้แก่ทางราชการแล้ว
ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ทั้งนี้จำเลยยังมีสิทธิ์ตามกฏหมายที่จะขออนุญาตยื่นฎีกาต่อไป จึงขอฝากเป็นคดีตัวอย่างอย่าคิดว่าเบียดบังเงินครั้งละเล็กน้อยเเล้วจะไม่โดนจับ สตง. หรือฝ่ายตรวจสอบจะไม่สนใจถ้าเป็นเรื่องทุจริต เบียดบังเงินหลวง แม้จำเลยจะนำเงินคืนหลวง แต่ศาลยังลงโทษหนักอย่างคดีนี้จำคุก 410 ปีก่อนลดโทษ เพราะจำเลยให้การรับสารภาพ
“บางคนอาจคิดว่าเงินหลักร้อยหลักพัน ไม่น่าจะทุจริต ระบบตรวจสอบเดี๋ยวนี้ทั้ง สตง. และผู้มีหน้าที่ไม่ว่าจะกองคลังหรือฝ่ายบัญชีทุกคนก็มีความเป็นมืออาชีพ อย่าทุจริตกันเลยนะครับ”รองอธิบดีอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 ระบุตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี