ดับแล้ว12ศพ
โยงยานรกใหม่‘เคนมผง’
ตร.เต้นสั่งสอบ-กวาดล้าง
พบขาโจ๋เสียชีวิตแล้ว 12 ศพ อาการสาหัสอีกหลายราย คาดเสพยานรกชนิดใหม่“เคนมผง” เชื่อมีส่วนผสมทั้งยาเค เฮโรอีน ไอซ์ และยานอนหลับ ผบ.ตร.เต้น สั่งเร่งตรวจสอบส่งศพชันสูตรหาสาเหตุแน่ชัด ด้าน ศบค.ซัดกลุ่มมั่วสุมเสพยา เสี่ยงแพร่ระบาด แถมอันตรายยิ่งกว่าติดโควิด ชี้จับกลุ่มล้วนน่ากลัวทั้งสิ้น
เมื่อวันที่ 11 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงบ่ายวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงเช้าวันเดียวกันนี้ โดยพบผู้เสียชีวิตในพื้นที่ซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 4 ย่านพระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม.ซึ่งพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติดที่คาดว่าเป็นชนิดใหม่ เรียกกันว่า ‘เคนมผง’ มีส่วนผสมยาเคกับยาเสพติดชนิดอื่นเป็นสูตรใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น อยู่ในที่เกิดเหตุ โดยพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร เข้าตรวจสอบบ้านพักของโคโยตี้สาวรายหนึ่ง อายุ 22 ปี ที่นอนเสียชีวิต และแฟนหนุ่มของสาวโคโยตี้ มีอาการสาหัส คาดว่าทั้งสองได้เสพยาเคสูตรใหม่ดังกล่าว เนื่องจากพบซองพลาสติกมีผงเคตามีนกับหลอด จึงนำส่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตที่ซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 7-20 ย่านพระราม 3โดยมีผู้เสียชีวิตในห้องนอนตัวเองเป็นชาย 1 ราย อายุประมาณ 20 ปี , ภายในซอยรัชดาภิเษก 18พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย , ย่านซอยจันทร์ 31สน.บางโพงพาง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และย่านลุมพินีสน.ทุ่งมหาเมฆ มีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย รวมแล้วในพื้นที่ความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีผู้เสียชีวิตปริศนา 6 ราย และอาการสาหัสอีกหลายราย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ ‘เคนมผง’ เป็นยาเสพติดสูตรใหม่ ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น ซึ่งเป็นการผสมกันของยาเสพติดหลายชนิด โดยเฟซบุ๊กของ ‘เสือดุสิต’ที่เคยตกเป็นข่าวโด่งดังเกี่ยวกับบ่อนการพนัน เคยออกมาโพสต์เตือนเกี่ยวกับยาเสพติดชนิดใหม่นี้ว่ามีผลข้างเคียงรุนแรงอาจจะส่งผลถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามหาเบาะแสความเชื่อมโยงที่มาที่ไปของยาเสพติดที่พบเพื่อทลายแหล่งผลิตและจำหน่ายต่อไป
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันเดียวกัน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้เรียก พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.พร้อมคณะ อาทิ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ผบก.น.5 เข้ารายงานข้อมูลเหตุมีผู้เสียชีวิตจากการเสพสารเสพติดดังกล่าว โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า กรณีนี้อาจมีผู้นาจหน่าย หรือมีแหล่งที่ไปเสพร่วมกัน ซึ่งทาง บช.น.ต้องไปขยายผล ทั้งนี้ เหตุที่ยังไม่ยืนยันองค์ประกอบของสารเสพติด เนื่องจากต้องรอผลตรวจจากแพทย์ นอกจากนี้ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และ บช.ปส.ไปตรวจสอบเรื่องแหล่งจำหน่าย และการนำเข้าสารโคนาซีแพม ที่นำไปผสมเฮโรอีน ให้สามารถควบคุมแหล่งจำหน่ายให้ได้ ต้องตามตัวผู้ขาย แหล่งที่มีการซื้อขาย แหล่งที่ไปเสพ เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีเหตุที่เสพในวันเดียวกันและเสียชีวิตหลายรายเช่นนี้
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้สำนักการแพทย์ตำรวจ และทีมของบช.ปส.ร่วมกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และป.ป.ส.ทำรายละเอียดเรื่องตัวยา วิธีการเสพ ลักษณะอาการต่างๆ และจะเร่งประชาสัมพันธ์ โดยยังไม่อยากตอบในขณะนี้เพราะบางตัวก็ใช้วิธีการสูดระเหย เป็นเกร็ด ซึ่งยังไม่เห็นเครื่องมือ ยังไม่มีเข็ม ไม่ต้องฉีดเข้าเส้น แต่อาจมีกรวย กระดาษตะกั่ว ไฟเช็ค ฯลฯ สารตัวนี้ต้องรอให้ตกผลึกก่อน ซึ่งต้องไปแยกสารว่ามีอะไรอยู่บ้าง จากนั้นก็จะทำเป็นอินโฟกราฟฟิกเผยแพร่ออกไป
ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว6 ราย เป็นชาย 3และหญิง 3ราย เหตุเกิดในท้องที่ สน.วัดพระยาไกร 5 ราย และสน.สุทธิสาร 1 ราย ผู้เสียชีวิตมีอายุระหว่าง 21-34 ปี และเชื่อว่าทั้งหมดเสียชีวิตจากยาเสพติด เนื่องจากในที่เกิดเหตุตรวจพบผงสีขาวซึ่งเชื่อว่าเป็นยาเสพติด โดยอยู่ระหว่างส่งตรวจพิสูจน์ว่าเป็นยาเสพติดที่ประกอบด้วยอะไรบ้าง คาดว่าภายในวันที่ 12 มกราคมนี้จะทราบผล แต่ยังไม่พบข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกันซึ่งยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตทั้ง6 ราย หรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เนื่องจากช่วงที่ไปพบผู้บาดเจ็บยังหมดสติ โดยการสอบปากคำก็มีหลายประเด็นที่ต้องสอบถาม ส่วนการกวาดล้างทางตำรวจท้องที่ก็ดำเนินการอยู่และเพิ่งมีการจับกุมและขยายผล
ขณะเดียวกัน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงสถานการณ์ประจำวัน โดยกล่าวถึงกรณีที่มีวัยรุ่นเสียชีวิตจากการมั่วสุมยาเสพติด ‘เคนมผง’สะท้อนให้เห็นว่ายังมีการตั้งวงมั่วสุม ซึ่งตรงนี้อาจเป็นคลัสตอร์ใหม่ในการติดโควิด-19 ว่า เป็นสาเหตุได้ เพราะผู้เสพยาเสพติดส่วนใหญ่จะมีการมั่วสุมกัน ถือเป็นชุดพฤติกรรมที่มีการจับกลุ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนไม่มีการเว้นระยะห่าง และใช้เครื่องมือในการเสพยาเสพติดร่วมกัน
“มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะติดโควิด-19 และการเสพยาเสพติดยังสามารถทำให้เสียชีวิตได้รุนแรงกว่าติดโรคโควิด-19 ดังนั้นคนที่เป็นคนกลุ่มนี้เห็นแล้วคงเป็นอุทาหรณ์ว่าการเสียชีวิตจากเสพยาเสพติด หรือเสียชีวิตจากการติดโควิด-19 ล้วนแต่น่ากลัวทั้งสิ้น เป็นกลุ่มที่เป็นปัญหาของสังคมและยังสามารถแพร่ระบาดไปในครอบครัวและสังคมได้ รูปแบบเช่นนี้เป็นเหมือนกันทั่วโลก ซึ่งเราสามารถเรียนรู้จากชุดข้อมูลของประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นมาแล้ว จึงต้องระวัง” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี