สัปดาห์ที่ผ่านมาผมเล่าเรื่องเมืองน่าน ซึ่งเป็นผลจากการไปเยือนน่านหลังจากไม่ได้ขึ้นไปบริเวณนั้นหลายปี ยังเห็นภาพจำของเมืองน่านที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการบุกรุกทำลายป่าและทำไร่เลื่อนลอย จนกลายเป็นภูเขาหัวโล้นปรากฏให้เห็นโดยทั่วไป ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นพืชต้นเหตุที่ถูกนำเข้ามาส่งเสริมให้ปลูก มีการนำเมล็ดพันธุ์เข้ามาจำหน่าย ปัจจัยการผลิตต่างๆ รวมทั้งตั้งจุดรับซื้อผลผลิตในพื้นที่ เพียงระยะเวลาไม่นาน พื้นที่ป่าที่เคยมีอยู่ก็ค่อยๆหายไปกลายเป็นป่าข้าวโพดขึ้นมาแทน ผลจากการส่งเสริมการปลูกอย่างครบวงจรทั้งเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย สารเคมี และการรับซื้อผลผลิต จากที่เคยปลูกข้าวเพื่อใช้บริโภคและอาศัยผลผลิตจากป่าในการดำรงชีพ เมื่อแรงจูงใจเพิ่มขึ้นจากผลตอบแทนที่ได้รับและความสะดวกต่างๆ รวมถึงเห็นคนที่ทำก่อนได้ผลตอบแทนที่ดี จึงกระตุ้นให้มีการขยายพื้นที่ปลูกดังกล่าว ในบางพื้นที่เป็นยอดดอย มีความลาดชัดสูงมาก ก็ไม่เหลือไม้ใหญ่ให้เห็นอีกเลย จนในที่สุดแล้วความสมดุลของธรรมชาติที่เคยมีอยู่ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นแหล่งต้นน้ำกลายเป็นเพียงภูเขาหญ้าในฤดูแล้งเท่านั้น อันเป็นผลมาจากระบบการส่งเสริมการปลูกและระบบการตลาดที่ไร้ความสำนึกต่อผลประโยชน์ของส่วนรวมดังกล่าว
ในอดีตสมัยที่ผมเริ่มรับราชการใหม่ๆที่จังหวัดนครสวรรค์ งานที่พวกเรารับผิดชอบเป็นงานด้านการส่งเสริมพืชไร่และพืชตระกูลถั่ว ซึ่งในสมัยนั้นแหล่งปลูกข้าวโพดที่สำคัญของประเทศ หรือเรียกกันว่า corn belt อยู่แถบภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนแถวๆ จังหวัดนครสวรรค์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และต่อไปทางจังหวัดเลยซึ่งยังไม่มากนัก ส่วนภาคเหนือตอนบน ยังเป็นเขตป่าไม้และต้นน้ำลำธาร เกษตรกรถือครองพื้นที่ไม่มาก และสภาพพื้นที่ไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืชไร่ จึงเหมาะต่อการปลูกพืชที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเป็นการพิจารณาตามข้อมูลพื้นฐานของการถือครองพื้นที่และสภาพพื้นที่อย่างแท้จริง ไม่ได้มองว่าเป็นพื้นที่เป้าหมายที่ต้องไปส่งเสริมให้ปลูกพืชไร่ที่ต้องใช้พื้นที่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อผลประโยชน์บังตา ผู้ที่เกี่ยวข้องและเป็นผู้รับผลประโยชน์โดยตรงก็ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อทรัพยากรของประเทศอันเกิดจากการส่งเสริมการปลูก จนกระทั่งสามารถสร้างภาพภูเขาหัวโล้นให้เกิดขึ้นได้ในเวลาไม่กี่ปี นึกถึงสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นดังกล่าวก็ยังเศร้าใจอยู่เสมอ
การเดินทางไปเมืองน่านครั้งล่าสุดของผม ความคาดหวังว่าภาพภูเขาหัวโล้นน่าจะลดทอนลงมาบ้าง ด้วยหวังว่าคนในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรกๆ น่าจะสำนึกถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แม้ว่าคนในพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเขาชาวดอยห่างไกลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ และน่ายินดีว่าเริ่มมีพื้นที่สีเขียวที่เกิดจากการปลูกไม้ยืนต้นเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังมีพื้นที่ที่ถูกแผ้วถางปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่บ้าง ชาวบ้านในพื้นที่เล่าให้ฟังว่าคนในพื้นที่ส่วนใหญ่เปลี่ยนวิถีการเพาะปลูกกันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพื้นที่ยังมีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนเขา ส่วนใหญ่เป็นคนต่างถิ่น เข้ามาปลูกข้าวโพดไว้แล้วก็จากไป มาอีกทีก็ตอนเก็บเกี่ยว พอชาวบ้านในพื้นที่เข้าไปสอบถามห้ามปรามก็มักจะเกิดปัญหาขึ้น เพราะคนเหล่านั้นจะอ้างว่าเป็นที่หลวง ไม่ใช่ที่ของชาวบ้าน ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่มีสิทธิไปว่ากล่าวตักเตือนได้ เจ้าหน้าที่ไม่เห็นว่าอะไร จึงต้องปล่อยเลยตามเลยอย่างที่เห็น
สิ่งหนึ่งที่ผมอยากกล่าวถึงสำหรับการเดินทางครั้งนี้ คือ ร้านกาแฟวิวดอยที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ตลอดเส้นทางจากตัวเมืองน่านสู่อำเภอสันติสุข และยาวไปถึงอำเภอบ่อเกลือ ลักษณะที่คล้ายคลึงกันของร้านกาแฟเหล่านี้คือเป็นร้านกาแฟที่นั่งชมวิวริมเส้นทางขึ้นเขา ไต่ไปยอดเขาต่างๆ ตามเส้นทาง ผมไม่แน่ใจว่ามีการขออนุญาตก่อสร้างหรือจัดการกันอย่างไรบ้าง บางพื้นที่ที่ผ่านขึ้นไปก็ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่เพื่อจะเปิดเป็นร้านกาแฟให้ทันกับฤดูท่องเที่ยวนี้ ยิ่งช่วงเวลาที่ผมเดินทางขึ้นไปยังไม่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ และอากาศเย็นแผ่ปกคลุมลงมาพอดี นักท่องเที่ยวที่ใช้เส้นทางนี้และใช้บริการของร้านกาแฟจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หากปล่อยให้เติบโตและขยายตัวอย่างไร้ทิศทางเช่นปัจจุบัน ผมเกรงว่าจะเป็นปัญหาตามมา ทั้งประเด็นของการใช้พื้นที่ การจัดการขยะ รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติต่างๆ ฝากไว้ด้วยความเป็นห่วงจริงๆ
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี