บิ๊กตู่ห่วงแก้ยานรก
ลั่นต้องผนึกช่วยกัน
จับ3โจ๋ค้า‘เคนมผง’
ดับปริศนา1ที่นนท์
“บิ๊กตู่” ข้องใจคนยังเสพ“เคนมผง” ทั้งที่อันตรายถึงชีวิตวอนทุกฝ่ายห่างไกลยาเสพติดชี้ยังมีคนแอบเล่นพนัน ขู่ยิ่งกว่าไฟไหม้บ้าน-โจรปล้น โอดถึง100นายกฯก็แก้ไม่ได้ ถ้าไม่ให้ความร่วมมือ”ด้าน ปปส.ชี้ผลตรวจเคนมผง มีสารผสมอันตราย มีโทษหนัก ส่วนที่นนทบุรี พบหนุ่มดับปริศนาอีก 1 คาดอัพยาจนช็อก
เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีของการปราบปรามยาเสพติด ว่าแต่ก่อนนี้มีการจับกุมอย่างเดียวแต่ไม่สามารถหาตัวนายทุนได้เจอ ปัจจุบันมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย ก็จะทำการยึดทรัพย์ ที่ผ่านมาก็มีผลงานตามระยะเวลา ซึ่งอาจจะมากขึ้นเรื่อยๆ จะแก้ปัญหากันได้เสียที
นายกฯ กล่าวว่า งสำคัญที่สุด เราต้องมาช่วยกันคิดว่าทำอย่างไร ดีมานด์ หรือความต้องการ จะลดลง โดยประชาชนทุกคนจะต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเมื่อมีคนต้องการก็ย่อมมีคนที่ลักลอบเอามาขาย มีคนแสวงหาผลประโยชน์ ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาได้โดยทุกครอบครัวไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกประเภทก็จะแก้ปัญหาได้ แต่ถ้ายังปล่อยให้มีความต้องการสูง ก็มีคนลักลอบทำกันอยู่เรื่อยๆ การจับกุมก็ไม่สามารถทำได้ทั้งหมด ซึ่งต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย สิ่งสำคัญคือชุมชน จะต้องช่วยกันเฝ้าระวังแจ้งเบาะแสเข้าไป ถ้าแจ้งกับตำรวจพื้นที่ยังทำอะไรไม่ได้ ก็ให้แจ้งมาที่ตน จะสั่งการเป็นรายๆ ไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงยาเสพติดชนิดใหม่ หรือ ‘เคนมผง’ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าไปเสพกันทำไม ตนถึงได้บอกว่ามันอยู่ที่ความต้องการของประชาชน รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ในการปราบปราม ทุกคนต่างก็มีหน้าที่ในการทำให้ครอบครัวมีสุขภาพดี เช่นเดียวกับเรื่องของการพนัน ก็ยังมีคนที่แอบไปเล่นอยู่ ในลักษณะที่ไปหาที่เล่น ก็ไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้อาชีพเขาคืออะไร หรืออาชีพเขาคือการเล่นการพนัน ยังสามารถจับกุมได้อยู่ทุกวัน ทั้งรายย่อยเล่นกันไม่กี่คน เล่นตามโรงแรม ตามรีสอร์ท
“เราจำเป็นต้องแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ว่าทำอย่างไรคนไทยถึงจะลดสิ่งเหล่านี้ลงได้ เพราะการเล่นการพนันเวลาที่เสียหายแล้วยิ่งกว่าไฟไหม้บ้าน หรือโจรปล้นบ้านเสียอีก เป็นภาระเรื้อรังครอบครัวก็ไม่มีความสุข ก็ขอร้องให้ช่วยกันบรรเทาตรงนี้ลง ขอร้องเถอะ จะได้ช่วยกันแบ่งเบาปัญหาลงไปบ้าง ไม่มีใครทำได้สำเร็จเพียงคนเดียว ต่อให้100 นายกฯ ก็ทำไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน ไม่ว่าใครจะเก่งกาจสามารถแค่ไหนก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น ผมก็ไม่ได้รับว่าผมเก่งที่สุด แต่ผมมีความตั้งใจมีเจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์ที่จะทำทุกอย่างให้ได้ แต่ทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผมโทษใครไม่ได้ เพราะถ้ามัวแต่โทษกันไปมามัน ก็จะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ความร่วมมือก็ไม่เกิด”นายกฯ กล่าวย้ำ
ด้าน นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานส่งเคนมผง จากที่เกิดเหตุในชุมชนนิตภาวรรณ เขตสายไหม กทม.น้ำหนัก 5.314 กรัม บรรจุในซองพลาสติก6 ซอง มาตรวจพิสูจน์ส่วนผสม ผลปรากฏว่ามีส่วนผสมของคีตามีนและไดอาซีแพม หรือทางการค้ารู้จักกันทั่วไปว่า แวเลียม จัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท4 ตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท 2559 โดยออกฤทธิ์ที่สมองหรือระบบประสาทส่วนกลาง ในทางการแพทย์ใช้เป็นยากล่อมประสาททำให้จิตใจสงบ ใช้สำหรับรักษาอาการผิดปกติทางอารมณ์เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล แก้อาการชัก เป็นต้น
นายวิชัย กล่าวต่อว่าผลข้างเคียงจากการใช้ไดอาซีแพมอาจทำให้มีอาการง่วงซึม เหนื่อยล้า กล้ามเนื้ออ่อนแรงร่างกายสูญเสียความสมดุล ลมหายใจอ่อนแรง มึนงง เห็นภาพหลอน ซึมเศร้า กล้ามเนื้อกระตุก กลั้นปัสสาวะไม่อยู่รวมถึงเกิดอาการชักได้ ซึ่งความผิดฐานเป็นผู้ขาย ต้องระวางโทษจำคุก 2-10 ปีและปรับตั้งแต่ 200,000-1,000,000 บาท และความผิดฐานครอบครองหรือใช้ประโยชน์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน3ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวอีกว่า สำหรับความเชื่อมโยงของยา‘เคนมผง’ ที่พบในหลายพื้นที่ใน กทม.นั้น คงต้องดูผลการตรวจพิสูจน์จากของกลางที่พบในคดีอื่นว่าเป็นสารชนิดเดียวกันหรือไม่ รวมถึงอาศัยข้อมูลการสืบสวนสอบสวนขยายผลจับกุมของเจ้าหน้าที่ว่าในแต่ละคดีมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่อย่างไร หากมีความคืบหน้าใดๆ ทางป.ป.ส.จะแจ้งให้ทราบต่อไป
ส่วนความคืบหน้าการสืบสวนจับกุมผู้ลอบค้า ‘เคนมผง’ วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ รอง ผบก.น 2พ.ต.ท.อรรถพงษ์จันทนะสร รอง ผกก.สน.สายไหม ได้เข้าจับกุม นายนพดล นุตตะโยธิน อายุ 20 ปี นายนฤเดช ภู่หอม อายุ 19 ปี และนายรัตนโชค กีรติโชติ อายุ 21 ปี พร้อมของกลาง ยาเค58.83 กรัม จับกุมได้ที่ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี และหมู่บ้านย่านสายไหม กทม.หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุม น.ส.ศิริกาญน์ เชื้อเขตกรรม อายุ 23 ปี พร้อมของกลางเคตามีน น้ำหนัก8.1 กรัม แล้วให้การซัดทอดว่าเป็นเคนมผงที่ซื้อมาจากเพื่อนชายที่พักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมเดอะคิทท์ ลำลูกกา เฟส 3 หมู่ 5 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานีจึงขยายผลจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3
สอบสวนนายนพดล รับสารภาพว่า ซื้อยาทั้งหมดมาจากนายอ้วน หรือ‘อ้วนวัดลุ่ม’(ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล) ซึ่งอาศัยอยู่ที่ชุมชนวัดลุ่ม แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.ในราคากรัมละ 500 บาท
อีกด้านหนึ่ง มีรายงานข่าวว่ากรณีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับนายวิรัฐ กาเผือก อายุ 26 ปี นายวัชระ เชียงฉิน อายุ 22 ปี นายโจ้ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และนายนพเก้า อบถม อายุ 26 ปีผู้ต้องหาซึ่งเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของผู้ที่เสพยาเคนมผง ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร 6 ราย ว่าภายหลังทั้งหมดถูกจับกุมและควบคุมตัวมาสอบสวนตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ยังไม่ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปขออำนาจศาลผัดฟ้องฝากขัง เนื่องจากยังมีข้อมูลที่ฝ่ายสืบสวนต้องการซึ่งต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหลายประเด็น ทั้งเรื่องที่มาของเคนมผง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการสืบสวนขยายผลเพื่อให้เชื่อมโยงถึงเครือข่ายทั้งหมด
อย่างไรก็ดี ผู้ต้องหาทั้ง 4 รับสารภาพเพียงบางส่วนว่าเป็นผู้นำยาเคมาให้ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ผสมหรือผลิตเคนมผง โดยทางพนักงานสอบสวนระบุว่าทั้งหมดให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีและการขยายผลทางคดีซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ ทั้งนี้ ทางตำรวจจะนำข้อมูลทั้งหมดไปติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดเพิ่มเติมในข้อหากระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือได้รับบาดเจ็บและข้อหาอื่นๆ ขณะนี้ยังไม่สามารถแจ้งข้อหาหรือดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ เนื่องจากยังต้องรอพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบการพิจารณา
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดพื้นที่ สน.สายไหม และย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบว่าเป็นคนละเครือข่าย และใช้สูตรยาเคนมผง หรือยาเคคอกเทล คนละตัวกับจุดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.พรเทพ เพ็ชรรักษ์ ผกก.สภ.บางบัวทองจ.นนทบุรี นำกำลัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์ และกู้ภัย เข้าตรวจสอบเหตุพบผู้เสียชีวิตภายในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 10 ถนนคลองถนน ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคาร ซึ่งเป็นห้องบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ พบศพผู้เสียชีวิตคือนายนพรัตน์ อาจพงษา อายุ 36 ปี สภาพนอนหงาย สวมเสื้อแจ๊คเก็ตแขนยาว กางเกงขาสั้น โดยที่โพรงจมูกพบผงคล้ายแป้งติดอยู่
สอบสวนนายสุพจน์ สวดมาลัย อายุ 46 ปี หน่วยกู้ภัยซึ่งเป็นผู้เข้าช่วยเหลือผู้เสียชีวิต ให้การว่า ภายหลังได้รับแจ้งเหตุมีคนหมดสติที่คอนโดฯ จึงรีบเข้าตรวจสอบ และพบผู้เสียชีวิตรายนี้กำลังช็อก ไม่มีชีพจร ก่อนจะรีบแจ้งให้กู้ชีพ รพ.บางใหญ่ มาช่วยปั๊มหัวใจแต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวเพื่อนผู้เสียชีวิตที่อยู่ในที่เกิดเหตุ 6 คน ซึ่งมีอาการคล้ายเมายา ไปสอบสวนที่ สภ.บางบัวทอง เบื้องต้นทั้งหมด ระบุว่า ช่วงเวลาประมาณ 05.30 น.ที่ผ่านมา พวกตนและผู้เสียชีวิตได้นั่งรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 1 ฒท 5930 กรุงเทพมหานคร เพื่อมาหาแฟนสาวที่พักอยู่ในคอนโดฯ ส่วนผู้เสียชีวิตขอนอนในรถไม่ได้ขึ้นไปบนห้องพักด้วยกระทั่งเวลา 07.00 น.ก็ลงมาจากห้องพัก จะเดินไปที่รถถึงสังเกตเห็นผู้เสียชีวิตนอนชักเกร็งอยู่ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียด และส่งศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตร เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด นอกจากนี้ได้คุมตัวเพื่อนผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกายด้วย ก่อนจะพิจารณาดำเนินคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี