ดับอีก1เอี่ยวเคนมผง
ชี้สูตรใหม่ทะเลทราย
มีฤทธิ์รุนแรงกว่าเดิม
แห่เข้าบำบัดที่รพ.อื้อ
โจ๋ดับอีก 2 สาหัส 1 คาคอนโดฯย่านโชคชัย ตร.เร่งสอบสวนขยายผล ส่วน ผบ.ตร.เพ่งเล็ง 2พื้นที่แพร่ระบาด ชี้ยาสูตรใหม่“ทะเลทราย”สุดอันตราย ด้าน พงส.คุมฝากขัง 4 ผู้ต้องหาค้ายาเกี่ยวพันโจ๋ดับ พบศพสาวอีกรายที่ประเวศ รอผลตรวจชี้ชัด ส่วนรพ.ธัญญารักษ์ เผยมีผู้เสพยาเข้ารับการบำบัดกว่า 20 ราย
เมื่อวันที่ 14มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย ซึ่งมีสาเหตุจากการเสพยาเสพติดชนิดใหม่ที่เรียกกันว่า ‘เคนมผง’จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมผู้ลอบค้าและหาแหล่งผลิต เพื่อกวาดล้างยาเสพติดอันตรายชนิดนี้ ว่าช่วงค่ำวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ตำรวจ สน.โชคชัย ได้เข้าตรวจสอบเหตุมีผู้เสียชีวิตและอาการสาหัส ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าววังหิน 7 แยก 5 แขวงสะพานสอง เขตวังทองหลาง กทม.โดยพบศพ นายพารวย ฉวีวรรณ อายุ 27 ปี และ น.ส.ปรีดาภรณ์ โพธิ์แก้ว อายุ 30 ปี ส่วนผู้ที่อาการสาหัสคือ น.ส.สุวรรณี อินไทร อายุ 27 ปี ภรรยาของนายพารวย ก่อนจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานหาสาเหตุการเสียชีวิตที่เกิดจากการเสพยาเสพติด
ต่อมา ที่ สน.โชคชัย พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รองผบช.น.พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุดังกล่าวด้วยตนเอง โดย พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวว่า มีการแบ่งชุดทำงานเพื่อสืบสวนสอบสวนแล้ว ซึ่งในที่เกิดเหตุพบของกลางถุงซิปยาใช้แล้วภายในถังขยะ สันนิษฐานว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเคนมผง ที่กำลังแพร่ระบาดแต่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่นๆ ส่วนหลักฐานอีกอย่างคือคลิปข่าวเกี่ยวกับเคนมผง ในโทรศัพท์มือถือของหนึ่งในผู้เสียชีวิตที่ส่งหากัน ซึ่งในห้องที่เกิดเหตุนั้นมีการตั้งวงปาร์ตี้กัน 5 คน โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำ 1 ใน 5 คนแล้ว เจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พร้อมกับระบุว่าเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เสพยา แต่เป็นนำเบียร์มาร่วมวงปาร์ตี้ด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นผู้นำยาเสพติดมาร่วมเสพในวงปาร์ตี้ โดยต้องสอบสวนอีกระยะหนึ่ง แต่ถือคดีว่ามีความคืบหน้าไปพอสมควร
อีกด้านหนึ่ง พนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ได้คุมตัวนายวิรัฐ กาเผือก อายุ 26 ปี นายวัชระ เชียงฉิน อายุ 22 ปี นายนพเก้า อบถม อายุ 26 ปี และนายชาตรี (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน , เฮโรอีน) และประเภท 3-4 เมทิลลีนไดออกซี่เมทแอมเฟตามีน ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จากกรณีทีเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร 6 ราย ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ผัดฟ้องฝากขัง โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และมีผู้เสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการฝากขังต่อศาล มารดาและยายของนายชาตรี ได้เข้าเยี่ยมนายชาตรี โดยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่าจะสู้เพื่อนายชาตรี เพราะเชื่อว่าไม่ได้ครอบครองยา และไม่ได้เป็นคนรับยาจากผู้ต้องหาที่เหลือก่อนมีการขายต่อให้กันตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนหลักฐานที่พบจากภาพวงจรปิดว่านายชาตรี ซ้อนท้ายจักรยานยนต์นายนพเก้า ไปนั้น นายชาตรี เพียงไปซื้อข้าวเท่านั้น ยอมรับว่านายชาตรี เสพกัญชาแต่ยาเสพติดอื่นไม่เคยยุ่งเกี่ยว นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ต่างยืนยันว่านายชาตรี ไม่เกี่ยวข้อง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.กล่าวถึงการระบาดของเคนมผง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้รับรายงานจากฝ่ายสืบสวนแล้ว โดยพื้นที่หลักๆ มี 2 ส่วน คือส่วนแรกที่ สน.วัดพระยาไกร และ สน.ทุ่งมหาเมฆ อีกส่วนคือย่านชานเมือง ในพื้นที่ บก.น.2 , บก.น.3 และ ภ.จว.นนทบุรี ทั้งสองพื้นที่เป็นพื้นที่เพ็งเล็งพิเศษ อย่างไรก็ดี ทาง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ บช.ปส. , บช.น.และ บช.ภ.1-9 เร่งสืบสวนติดตามผู้กระทำผิดรายใหญ่มาดำเนินคดีให้ได้
“อย่างที่เห็น 2-3วันมานี้ ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ค้าถึงแม้จะเป็นรายย่อย ผู้ค้าคนกลางก็ตาม เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนสอบสวนขยายผลไปหาผู้ค้ารายใหญ่ อยากเตือนไปยังผู้ค้าผู้เสพว่าผิดกฎหมาย ผู้เสพต้องระมัดระวังอย่ามองว่าเป็นยาเสพติดชนิดใหม่ราคาถูกแล้วอยากลอง บทเรียนที่เห็นเสียชีวิตซึ่งๆหน้า10 กว่าคนแล้ว เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งดำเนินการให้สังคมรับรู้ถึงโทษภัยของการเสพและการถูกดำเนินการตามกฎหมาย” พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าว
โฆษก ตร.กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีสูตรใหม่ออกมาคือสูตร‘ทะเลทราย’ซึ่งไม่ว่าจะสูตรไหนก็มียาเคตามีนเป็นตัวตั้งต้น ก่อนนำไปผสมกับทั้งไอซ์ ทั้งยาอี ซึ่งล้วนแล้วแต่ออกฤทธิ์รุนแรง เห็นกันชัดๆว่าผลการผสมสารเสพติดนั้นผู้ที่เสพไปแล้วเกิดผลต่อร่างกายอย่างรวดเร็ว
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ร.ต.อ.ศิริพงษ์วรรณสัมผัส รอง สว.(สอบสวน) สน.ประเวศ รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ถนนอ่อนนุช แขวงและเขตประเวศ กทม.จึงรุดเข้าตรวจสอบ พร้อมด้วยแพทย์นิติเวช เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ โดยพบศพ น.ส.พรรณิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ชาว จ.พะเยา สภาพนอนบนเตรียง ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย เบื้องต้นทางครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิต ไม่ติดใจสาเหตุ
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่งไปพบแพทย์ด้วยอาการแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออกเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด โดยทางพนักงานสอบสวนจะรอผลของแพทย์นิติเวช ที่จะมีการคัดแยกหาสารเสพติดในร่างกายผู้เสียชีวิตว่ามีส่วนผสมของเคนมผง หรือยาเสพติดชนิดอื่นหรือไม่
ขณะที่ นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผอ.สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (รพ.ธัญญารักษ์) เปิดเผยว่า ช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีผู้ที่เสพเคนมผง เข้ามาขอรับการบำบัดรักษาที่สถาบันฯ มากกว่า 20 ราย โดยจำนวนนี้มีถึง 10 ราย ที่อาการซับซ้อนและรุนแรง ต้องรับไว้เป็นผู้ป่วยในจากการสอบประวัติพบว่าส่วนใหญ่มีการใช้ยาเคผสมยาเสพติด หรือวัตถุออกฤทธิ์ประเภทยานอนหลับ ยาบ้า ไอซ์ โดยอาการที่พบหลักๆ คือเกิดจากฤทธิ์ยาเค ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน คิดว่าจะมีคนมาทำร้ายตลอดเวลา บางคนมีอาการง่วงซึมทั้งนี้ทีมแพทย์และพยาบาลจะช่วยกันประเมินคัดกรองอย่างดี ก่อนเข้าสู่การดูแลรักษาตามระดับความรุนแรงของคนไข้ ซึ่งทุกขั้นตอนเป็นไปตามมาตรฐานทางสาธารณสุข
นพ.สรายุทธ์ กล่าวย้ำถึงอันตรายของการใช้เคนมผงว่าการใช้ยาในปริมาณหนึ่งสำหรับคนๆ หนึ่งอาจไม่ส่งผลอันตราย แต่ในปริมาณยาที่เท่ากันนี้ หากนำไปใช้กับอีกคนอาจเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากสุขภาพของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจมีโรคประจำตัวหรือมีความไวในการรับสารเข้าไปออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไม่เท่ากันส่วนความยากง่ายและระยะเวลาที่ใช้ในการบำบัดรักษาคนไข้เสพเคนมผงในแต่ละเคสก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับอาการว่าซับซ้อนรุนแรงแค่ไหน แต่หากไม่ได้มีอาการสูญเสียถาวร ก็สามารถรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี