สธ.เห็นชอบตั้งคณะกรรมการ 6 ชุด ดูแลติดตามครอบคลุมอาการไม่พึงประสงค์หลังรับวัคซีน ย้ำฉีดในกลุ่มเสี่ยงด้วยความสมัครใจ เพื่อป้องกันโรค ไม่ฉีดในคนอายุต่ำกว่า 18 ปี-หญิงตั้งครรภ์
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.ทวี โชติพิทยะสุนนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และศ.นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นที่ปรึกษาสถานการณ์โรคระบาดโควิด- 19 แถลงผลการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการ การให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 ของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่ประชุมนัดแรก ครั้งที่ 1 / 2564 ว่า วันนี้ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบเรื่องการจัดตั้ง คณะทำงาน 6 ด้านขึ้นมาดูแลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้แก่
1.คณะที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงาน 2.คณะทำงานด้านการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และสื่อสารประชาสัมพันธ์ , 3.คณะทำงานด้านการให้บริการวัคซีน ฝึกอบรม และกำกับติดตามผล 4.คณะทำงานด้านการประกันคุณภาพวัดซีนและติดตามอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับ 5.คณะทำงานด้านระบบข้อมูลการให้บริกรวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ 6.คณะทำงานด้านวิชาการ เนื่องจากวัคซีนนี้เป็นของใหม่ยังขาดความรู้ จำเป็นต้องมีคณะทำงานขึ้นศึกษาและติดตาม เพื่อให้เหมาะสมกับการรับวัคซีนโควิด ที่ตอนแรก ที่มีอย่างจำกัด และ จะเริ่มฉีดในเดือน กุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน และจากนั้น จะมีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม
นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า การฉีดวัคซีนนี้จะทำให้กลุ่มเสี่ยง ตามแผนเดิมที่ทางคณะกรรมการโรคติดต่อกำหนดไว้ บุคลากรแพทย์ คนทำงานหน้าด่านในการป้องกันและควบคุมโรค ผู้มีโรคประจำตัวและผู้สูงอายุ ซึ่งจะต้องเป็นการรับวัคซีนด้วยความสมัครใจ และมีการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น โดยหากพบว่ามีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นในระดับรุนแรง ก็จะมีการยกเลิกการฉีดวัคซีนในล็อตนั้น ทันที และจากนั้นจะมีการติดตามสอบสวนโรค พร้อมเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้น คล้ายกับกลไกการเยียวยาใน สปสช.แต่จะต้องมีการหารือในรายละเอียดอีกครั้ง พร้อมกล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิดนี้จะไม่ทำในคนอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ เพราะวัคซีนมีการศึกษาและทดลองในผู้ใหญ่เท่านั้น
นพ.ทวี กล่าวว่า สำหรับนิยามคำว่ากลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับวัคซีน จะมี 2 ส่วน คือเสี่ยงเป็นกับเสี่ยงตาย โดยเสี่ยงเป็นหมายถึงในหนุ่มสาว ที่ไม่มีโรคประจำตัว แต่อาจติดเชื้อได้ ส่วนเสี่ยงตายได้ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งการที่ต้องมีการฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงตายเพราะว่าเมื่อมีอาการเจ็บป่วยแล้ว จะมีอาการรุนแรง รัฐต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลและค่าใช้จ่ายสูง หาก 1 คนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ จะต้องมีค่าใช้จ่าย 1 ล้านบาท และใช้บุคลากรในการดูแลไม่ต่ำกว่า 20 คน ดังนั้น คนที่มีโรคประจำตัวมาก จำเป็นต้องรับวัคซีนเพื่อป้องกันความรุนแรงจากโรค
ทางด้านศ.นพ.ยง กล่าวว่า การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค ลดการติดเชื้อและป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรง แต่ละวัคซีนในขณะนี้ สามารถเกิดอาการพึงประสงค์ได้ เบื้องต้นคนที่ได้รับวัคซีนจะต้องมีอาการเจ็บเฉพาะจุดแน่นอน จากต้นแขนที่ได้รับวัคซีน ส่วนอาการไม่พึงประสงค์ก็แตกต่างกัน ที่มีรายงานและเป็นข่าว อย่างแอสตราเซเนกา มีภาวะไขสันหลังอักเสบเกิดขึ้น ,โมเดิร์นนา ทำให้ปากเบี้ยว ส่วนไฟเซอร์ผลข้างเคียง มีตั้งแต่เป็นไข้ มีแพ้อาการรุนแรง ที่แคนาดามีฉีดวัคซีนไปแล้ว การแพ้ยา หรือ ส่วนประกอบ อาจเกิดได้ขึ้น 9 ใน ล้านคน เป็นต้น ซึ่งทุกอย่างต้องมีการตรวจสอบและสอบสวนโรค เพราะว่าอาการไขสันหลังอักเสบ สามารถเกิดขึ้นในคนธรรมดา อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่ต้องมีการติดตามอาการไปอย่างน้อย 2 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี