“ชาวบ้านราชบุรี” ยื่นหนังสือถึง “ส.ส.กุลวลี” ขอประสานชลประทานช่วยปล่อยน้ำช่วงทำนาปรัง ระบุเดือดร้อนหนักเพราะขาดรายได้

น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือร้องเรียนจากประชาชน ชาวอบต.เกาะพลับพลา ที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีน้ำทำนาปรัง ตนจึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มารับฟังปัญหาของชาวบ้านหลายตำบลในพื้นที่ อำเภอเมือง ราชบุรี ที่ได้รับผลกระทบกรณีชลประทานไม่ปล่อยน้ำให้ทำนาปรัง  ตามมติ ครม.เนื่องจากปริมาณน้ำที่เก็บกักของเขื่อนที่ จ.กาญจนบุรี มีปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย ทำให้ชาวนาเดือดร้อน เพราะไม่มีน้ำทำนาปรัง หากจะไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนก็ไม่มีความรู้ ต้องปล่อยที่นาให้ว่างเปล่าไม่สามารถปลูกพืชชนิดอื่นได้  เพราะสภาพดินจะมีลักษณะเป็นดินเหนียว ไม่มีความเหมาะสมในการเจริญเติบโตของพืชทนแล้งทำให้เกษตรกรขาดรายได้

น.ส.กุลวลี กล่าวว่า ปัญหานี้ได้รับเรื่องมาตั้งแต่เดือน พ.ย.- ธ.ค. ปีที่แล้ว และได้นำไปหารือในสภาผู้แทนราษฎร ขณะเดียวกันได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันแก้ไขปัญหา  โดยก่อนหน้านี้มีการหารือกับสำนักชลประทานที่ 13 ที่ดูแลลุ่มน้ำแม่กลอง ให้ทำแผนการบริหารจัดการน้ำ  เปิด-ปิดน้ำ ลงพื้นที่พูดคุยหาแนวทางร่วมกันกับกลุ่มผู้ใช้น้ำและพี่น้องชาวนา รวมถึงลงพื้นที่สำรวจแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำรองและจัดหาเครื่องมือสนับสนุน เช่น เครื่องสูบน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อม สำหรับน้ำใช้เพื่อการเกษตร อีกทั้งยังมีการแนะนำพี่น้องเกษตรกร ในด้านอื่นๆด้วย อาทิ การปลูกพืชน้ำน้อย เพื่อทดแทนการทำนาปรัง, การปรับปรุงบำรุงดิน และการนำโครงการ “โคก หนอง นา” มาประยุกต์ใช้

ด้านนายอำนาจ ชูวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานโครงการชลประทานที่ 13  เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำแม่กลองปีนี้อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย เช่นเดียวกับปี 2558 -2559 ทำให้การวางแผนจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในปีนี้ต้องวางแผนให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันของเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำทั้งด้านอุปโภค บริโภค การรักษาระบบนิเวศ การสำรองน้ำไว้ใช้ในต้นฤดูฝน ของปี 2564 และการทำเกษตรกรรม สามารถบริหารจัดการได้อย่างลุล่วง เพียงพอต่อน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบันน้ำในเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์  ณ ปัจจุบันมีอยู่ 4,300 ล้านลูกบาศก์เมตร  ถือว่าเป็นปีที่น้ำน้อย  ดังนั้นทางสำนักงานชลประทานที่ 13 ได้วางแผนการจัดสรรน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรมโดยการส่งน้ำเป็นแบบรอบเวร เนื่องจากมีพื้นที่ที่ครอบคลุมทั้งหมดหลายจังหวัด เช่น กาญจนบุรี ราชบุรี  นครปฐม  สมุทรสงคราม และบางส่วนของสุพรรณบุรี  เพชรบุรี สมุทรสาคร