บุกรวบ"ลูแปงไต้หวัน"ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่คาคอนโดหรูกลางกรุงกรุงเทพฯ แฉประวัติโชกโชน ขณะที่"บิ๊กปั๊ด"บุกสอบปากคำด้วยเอง พบเป็นต้นตำรับสูตรนรก"เคนมผง" สั่งขยายผลถึงเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ
25 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) เข้าจับกุมนาย โช วาย เชิน (chou yi Shen) หรือ Mr.Liu chun chen สัญชาติไต้หวัน อายุ 38 ปี ฉายา"ลูแปงไต้หวัน"ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณอโศก ถนนอโศกมนตรี แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา หลังสืบสวนทราบว่าลักลอบผสมเคนมผงในคอนโดหรูกลางกรุงย่านอโศก ยึดของกลาง ได้แก่ เคตามีน, เฮโรอีน ,ไอซ์ ,ยาอี , ยานอนหลับจำนวนมาก พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ แพ็กเกจผสมสารเสพติดเป็นเคนมผง และอาวุธปืนขนาด 9 มม. พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 8 นัด เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้ลูกค้า
เบื้องต้นจาการสอบปากคำผู้ต้องหาชาวไต้หวันซึ่งใช้ชื่อปลอม มีสำเนาหนังสือเดินทางหลายสัญชาติ และหลบหนีหมายจับของประเทศไต้หวัน คดียาเสพติดหลายคดี หลบหนีอยู่ในไทยมาหลายปี
สำหรับของกลางที่ยึดได้ ประกอบด้วย 1. คีตามีน น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม 2.ยาอี จำนวน 376 เม็ด 3.ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม 4.เฮโรอีน น้ำหนักประมาณ 8 กิโลกรัม 5.โคเคน น้ำหนัก 11.6 กรัม 6.LSD หรือแสตมป์มรณะ จำนวน 48 แผ่น 7.โดมิคุ่ม หรือยานอนหลับ จำนวน 2 ขวด 8.ยานอนหลับชนิดเม็ด ไฟว์ไฟว์ จำนวน 265 เม็ด 9.เครื่องซีลพลาสติก จำนวน 2 เครื่อง 10.เครื่องปั่น จำนวน 2 เครื่อง (มีคราบลักษณะยาเสพติด) 11.เครื่องชั่งดิจิทัล 2 เครื่อง 12.แก้วบีกเกอร์พลาสติก จำนวน 2 ใบ มีคราบยาเสพติด 13.ถุงพลาสติกใส จำนวน 1 แพค และอีก 30 ถุง 14. แพคเกจใส่สารเสพติด 15.อาวุธปืน 9 มม. ซิกซาวเออร์ P320 พร้อมแม็กกาซีน และกระสุน 9 มม. จำนวน 8 นัด
ต่อมาเวลา 11.00 น.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางเข้าสอบปากคำนายโช วาย เชิน ผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ฉายาลูแปงไต้หวัน ด้วยตนเอง ทราบว่าขณะเข้าจับกุม ตำรวจพบผู้ต้องหากำลังผสมยาเคนมผง เตรียมจำหน่ายให้กับเอเย่นต์ค้ายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ผบ.ตร. กล่าวว่า หลังตำรวจสืบทราบว่า มีตัวการใหญ่จำหน่ายยาเคนมผล จึงสืบสวนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา ชาวไต้หวัน อายุ 38 ปี ได้ที่ห้องพัก พร้อมยึดยาเสพติดประเภทต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังขยายผลตรวจค้นที่พักของผู้ต้องหารายนี้ 3 แห่ง ทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ ห้องพักย่านสุขุมวิท 50 และห้องพักย่านอโศก ขณะที่การสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า เข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายยาเสพติด ซึ่งมีการผสมสูตรเป็นของตัวเอง ด้วยการนำยาเสพติดหลายประเภทมาผสมกัน พร้อมอ้างว่า ผู้เสพนำไปเสพผิดวิธี จึงอาจส่งผลให้ถึงแก่ชีวิต
เบื้องต้น จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาเข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2555 โดยเชื่อว่าเข้าไทยอย่างไม่ถูกต้อง และอยู่เมืองไทยมาตลอด โดยยังพบผู้ต้องหาดำเนินการเพียงคนเดียว แต่ตำรวจจะประสานไปยังตำรวจไต้หวัน เพื่อขยายผลถึงเครือข่าย พร้อมหาความเชื่อมโยงถึงกลุ่มผู้ค้ารายย่อย และลูกค้า หลังพบว่า ผู้ต้องหากระจายยาเสพติดส่วนหนึ่งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และจำหน่ายตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ พร้อมเชื่อว่า มีบางส่วนถูกส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โดยหลังจากนี้ ก็จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ข้อมูลของผู้ต้องหาพบเคยทำ และเคยผลิตยาเสพติดส่งออกต่างประเทศมาก่อนหน้านี้ แล้วมีพฤติการณ์หลบหนีเจ้าหน้าที่อยู่เรื่อยมา กระทั่งมาอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งทางตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ติดตามแกะรอยมาตลอดไม่ใช่เพราะมีประเด็นเรื่องยาเคนมผงเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยทราบอีกว่าผู้ต้องหามีการผสมยาเคนมผงหลายสูตรเพื่อส่งจำหน่ายขายทั่วไป
ขณะที่ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะขยายผลจากผู้ต้องหา 2 ส่วนคือ แหล่งที่มาของยาเสพติด โดยจะตรวจสอบว่ามาจากที่ไหน และ สูตรยาเคนมผง ผู้ต้องหาได้ส่งให้ใครและเครือข่ายใดบ้าง โดยจะประสานกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจเข้มข้นว่ามีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีการจับกุมผู้ต้องหาในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้การจับกุมนั้นถือเป็นผู้ค้ารายย่อยหากสืบทราบมีความเชื่อมโยงก็จะเร่งดำเนินการทันที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี