นายกเล็กเทศบาลจอหอ แจงเบี้ยยังชีพทำตามหน้าที่ หนุนยกเลิกกฎหมาย แล้วยกให้เจ๊ากันไป ด้านคุณยายวัย 73 ปียกมือท่วมหัววอน "ลุงตู่" ช่วยเยียวยา ไม่ต้องคืน ทุกวันนี้ค่าแพมเพิสก็ยังไม่พอแล้ว
ความคืบหน้ากรณีที่มีครอบครัวของผู้สูงอายุหลายรายในพื้นที่ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ร้องเรียนว่า ครอบครัวถูกหนังสือขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลังเป็นเงินจำนวนหลายหมื่นบาท เฉลี่ยรายละ 70,000-100,000 บาท บางรายไม่สามารถหาเงินมาชำระคืนได้จนถูกทางเทศบาลตำบลจอหอ ส่งเรื่องฟ้องศาลแขวงนครราชสีมาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น
วันที่ 29 ม.ค.64 นายเสรี ไชยกิตติ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลจอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงการมองปัญหาเรื่องที่มีการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากผู้ที่รับเงินบำนาญพิเศษไปแล้วว่า เรื่องนี้ระเบียบที่ออกมาเมื่อปี 2548 ทุกคนก็ได้รับเรื่อยมา และมาปี 2552 มีการเปลี่ยนระเบียบใหม่ คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติออกระเบียบและระเบียบกระทรวงมหาดไทยก็รับรองใช้แบบนี้ก็คือผู้ที่ได้รับเบี้ยบำนาญ หรือเบี้ยหวัดอะไรต่างๆ นี้ขาดคุณสมบัติ ฉะนั้น ผู้สูงอายุอาจจะไม่รู้และเทศบาลก็ไม่รู้ ใครมีบำนาญใครไม่มีบำนาญก็ไม่รู้ กรมบัญชีกลางส่งเงินมาเราก็จ่ายไปตามที่กรมบัญชีกลางที่ส่งเงินมา
ต่อมาช่วงปลายปี 2562 กรมบัญชีกลางทำบัญชีส่งมายังเทศบาลว่า บุคคลดังต่อไปนี้ขาดคุณสมบัติเพราะได้รับเบี้ยบำนาญจากสามีบ้าง จากลูกที่เป็นข้าราชการบ้าง เรียกว่า บำนาญพิเศษ ก็กลายเป็นว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามระเบียบที่แก้ไขใหม่ปี 2552 ซึ่งการจะรับบำนาญหรือไม่รับบำนาญทางกรมบัญชีกลางเป็นผู้รู้ โดยเทศบาลรู้ไม่ได้เพราะเทศบาลไม่เคยจ่ายบำนาญให้ใคร พอมีหนังสือจากกรมบัญชีกลางว่าบุคคลดังต่อไปนี้ เช่น เทศบาลตำบลจอหอฯมีตอนแรก จำนวน 17 คน จำนวนนี้มี 4 คนที่เขามีสิทธิ์ แต่เขายังไม่ทันได้รับ และรู้ว่าไม่มีคุณสมบัติเขาก็เลยไม่รับ ส่วนจำนวน 13 คนได้รับไปแล้ว บางคนรับหมื่นกว่าบาท บางคนกว่า 6 พันบาทคนเหล่านี้ไม่อยากเสียเวลาเขาก็ผ่อนชำระคืนให้ไป
แต่มีคุณยายจำนวน 4 คนได้เงินประมาณกว่า 7 หมื่นบาท และกว่า 8 หมื่นบาท ไม่ยอมจ่ายคืน และคุณยาย รวมทั้งลูกหลานบอกว่ายายใช้เงินไปหมดแล้ว ไม่มีจ่ายคืนให้ ซึ่งตนได้พูดคุยไกลเกลี่ยกับลูกหลาน เพราะคุณยาอายุมาก ไม่สามารถมาได้ เนื่องจากกรมบัญชีกลางทวงมาและให้ระยะเวลาผ่อนจ่ายได้ แต่ทางคุณยายยืนยันไม่มีจะจ่ายก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นสิทธิของคุณยาย เราก็รายงานกรมบัญชีกลางไป ส่วนจะให้ทำอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะเป็นเงินของกรมบัญชีกลางเขา เราก็ทำเรื่องส่งให้อัยการจังหวัดฯพิจารณาเรียกคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งก็มีเท่านั้น ส่วนศาลจะวินิจฉัยอย่างเป็นไรก็แล้วแต่ศาล ตนวินิจฉัยไม่ได้ก็ต้องทำตามหน้าที่ไป
ส่วนเรื่องที่ควรจะมีการแก้ไขนั้น นายเสรี กล่าวว่า อันนี้แน่นอนต้องแก้ไขระเบียบกันเลย หรือยกเลิกไป ปัญหาก็จะไม่วุ่นวาย คนเฒ่าคนแก่คนชราจำได้รับบำนาญก็เรื่องของเขา บำนาญของสามีเขา ลูกเขาก็รับไปและให้เขามีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพเหมือนเดิมไปเถอะ ตนคิดว่าควรแก้กฎหมายนี้ซะ ส่วนที่มีปัญหาก็หาทางแก้กันไปว่า จะแก้โดยให้ผ่อนชำระหรือไม่ต้องผ่อนลำระ หรือจะยกให้ก็ยกให้ไปเลย ตนว่ายกให้ไปจะดีที่สุด ใครจะไปใจไม้ใส่ระกำกับคนเฒ่าคนแก่ ปู่ย่าตายายพวกเราทั้งนั้น ไม่ใช่คนอื่น พอทีรัฐบาลแจกเงินโควิด-19 ก็ยังแจกกันโครมๆ อันนี้เงินคนเฒ่าคนแก่ก็ให้ไปเถอะ
ส่วนเรื่องการมีความเป็นธรรมหรือไม่ที่ผู้ที่รับเงินบำนาญพิเศษแล้วจะไม่ได้รับเบี้ยยังชีพคนชรานั้น ตนคิดว่ามันจะเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมก็พูดยาก แต่ว่าสิทธิที่เขาได้รับจากสามีตอนมีชีวิตอยู่ก็ได้รับ แต่ตัวคุณยายเองก็ได้รับเบี้ยยังชีพ พอต่อมาสามีเขาเสียชีวิตบำนาญก็ตกแก่เขามันก็เป็นเรื่องของเขา และเขาได้รับ 2 ทางมันก็เป็นธรรมอยู่แล้ว เพราะเป็นข้าราชการเป็นครอบครัวข้าราชการ บางคนรับของลูกชายที่เป็นตำรวจ พอลูกเสียชีวิตไปก็ได้รับเบี้ยบำนาญพิเศษแทนลูกชายเขาก็พอได้กินได้อยู่ไป แต่จะได้เบี้ยยังชีพเพิ่มแค่ 600-700-800 บาทก็น่าจะเป็นธรรมที่จะได้รับเงินส่วนนั้นตามสิทธิของเขา ซึ่งได้เพิ่มหรือได้ซ้ำอีกนิดหน่อยไม่ได้มากมากอะไรเลย ไม่น่าจะกระทบกระเทือนอะไรเท่าไหร่
ส่วนคุณยายเหล่านี้เมื่อขึ้นศาลเจรจาไกล่เกลี่ยแล้วศาลยังยืนยันว่าไม่มีอีกจะมีทางออกหรือทำอย่างไรนั้น ตนคิดว่า ถ้าไม่มีเงินจริงๆก็ทราบว่า ทางผู้ว่าราชการจังหวัด, ส.ส. ก็ให้ความสนใจก็น่าจะช่วยกันหาทางออกให้คุณยายหรือจะเยียวยาอย่างไร โดยส่วนตัวตนคิดว่า มีอยู่ทางหนึ่งด้านข้อกฎหมายอาจจะใช้ได้ กรณีที่ศาลฏีกาเคยวินิจฉัยในเรื่องลาภที่ควรได้ก็คือ ทรัพย์สินผู้สูงอายุรับไปโดยสุจริต เพราะท่านไม่รู้และเทศบาลก็ไม่รู้ โดยกรมบัญชีกลางก็ไม่ตรวจสอบก่อน กรมวิชาการก็ไม่รู้ ส่งเงินมาให้เรา เราก็ส่งเข้าธนาคารท่านไป ท่านก็รับไป ท่านก็ไม่รู้ แล้วก็ใช้ไป ถ้าอย่างนี้การคืนเงินก็คืนเงินเท่าที่มีอยู่ ก็เพราะรับโดยสุจริต เดือนละ 700 บาททุกเดือนถ้าใช้หมดแล้วมันก็แล้วกันไป มันก็เจ๊ากันไป เพราะเขามีสิทธิใช้เขาก็ใช้ไป ไม่ได้เก็บไว้ให้คุณคืน
ด้านคุณยายรายหนึ่งในจำนวน 4 รายที่มีการร้องเรียนจากนายมฤคินทร์ เขียนจอหอ อายุ 42 ปี ลูกชายของนางประจวบ ผะดาวัลย์ อายุ 73 ปี ผู้สูงอายุชราภาพ ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา หลังจากได้รับหนังสือขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่จ่ายให้กับนางประจวบฯ ผู้เป็นแม่ ย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นระยะเวลากว่า 11 ปี เป็นจำนวนเงิน 76,400 บาท และรวมดอกเบี้ยเป็นยอดจำนวน 77,737 บาท
คุณยายประจวบ ผะดาวัลย์ วัย 73 ปี เล่าว่า ตอนนี้มีโรคประจำตัวทุกอย่าง ทั้งเบาหวาน ไขมัน ความดัน ปวดขา เดินไม่ไหว ต้องใช้เครื่องช่วยพยุง ดวงตาซ้ายฝ้ามองไม่เห็น และยังมามีเครียดเรื่องนี้อีก โดยพอทราบว่าเขาเรียกเงินคืน ตนนอนไม่หลับทุกคืนเลยและร้องไห้เสียใจมาก เพราะตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย และไม่รู้จะไปหาเอาไปคืนเขาจากไหน ทุกวันนี้ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินอยู่ ค่าสบู่ ผงซักฟอกซักผ้า ยาสีฟัน และต้องใส่แพมเพิส ค่าแพมเพิสก็ยังไม่พอเลย เหมือนกับมาซ้ำเติมความเป็นอยู่ของตน แต่ถ้าจะให้คืนเงินจริงๆ เขาจะเอาตนก็ให้ได้ เขาเคยให้เดือนละ 500-600 บาทเราก็จะให้เขาเดือนละ 500-600 บาทก็ได้
ส่วนยุติธรรมหรือไม่นั้นตนก็ว่าทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว อยากให้รัฐบาลช่วยพวกเราด้วยเถอะ แบบว่าก็ไม่อยากคืน และตนก็ไม่มีให้เขา แต่ถ้าจะให้คืนก็ได้เดือนละ 500-600 บาท แต่ตนก็อยู่แบบลำลาก ในใจก็อยากคืนอยู่ถ้าเขาจะเอา ถ้าเขาเรียกเอาตนก็จะคืนให้ไม่โกง และถ้าทางรัฐจะช่วยเหลือเยียวยาโดยไม่ต้องให้ตนคืนหรือช่วยคืนแทนตนก็ขอยกมือไหว้ท่วมหัว แม่คุณเอ๊ย (พร้อมกับยกมือขึ้นท่วมหัว) และก็อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีช่วยเหลือแล้วแต่ท่าจะเมตตาพวกเราผู้สูงอายุ ตนก็รักท่าน อยากให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีไปนานๆ จริงๆเบี้ยผู้สูงอายุตนก็มีสิทธิที่จะได้อยู่แล้ว แต่ทำไมถึงมาเรียกเอากลับคืน คุณยายประจวบฯกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี