คาดรัฐเสียหาย1.7พันล้าน
ทุจริต‘เราเที่ยวด้วยกัน’
ตร.ล่าผู้ต้องหานับหมื่น
ลงทะเบียน‘เราชนะ’
ทะลุ6ล้านสิ้นสุด12ก.พ.
ตำรวจคาดยอดทุจริตโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” อาจถึง 1.7 พันล้าน มีผู้เกี่ยวข้องนับหมื่นรายเดินหน้าดำเนินคดี ในขณะนี้ การลงทะเบียน“เราชนะ” วันแรก กว่า 6.03 ล้านคน ย้ำไม่จำกัดจำนวนผู้ได้รับวงเงินสิทธิ ลงทะเบียนได้ถึง 12 กุมภาพันธ์ 2564
เมื่อวันที่ 30 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดรับลงทะเบียนโครงการเราชนะวันแรกในวันที่ 29 มกราคม 2564 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ผ่านทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ซึ่ง ณ เวลา 18.00 น. มีประชาชนลงทะเบียนแล้วมากกว่า 6.03 ล้านคน โดยประชาชนที่ลงทะเบียนแล้วสามารถตรวจสอบสถานะการได้รับสิทธิ ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 และประชาชนที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (Facial Recognition) เพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชัน และใช้วงเงินสิทธิในโครงการเราชนะได้ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป
สำหรับประชาชนที่ “ลงทะเบียนไม่สำเร็จ” จะได้รับข้อความสั้น (SMS) แจ้งเตือนให้ลงทะเบียนใหม่อีกครั้งไม่เกินวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาการกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขรหัสหลังบัตรประชาชน (Laser ID) ชื่อ ชื่อกลาง (ถ้ามี) นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด ไม่ถูกต้อง โดยกรณีของผู้ที่ไม่มีชื่อกลางไม่ต้องกรอกข้อมูลลงในช่องดังกล่าว ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จสามารถเข้าไปลงทะเบียนใหม่ได้ทันทีหลังจากได้รับ SMS แจ้งเตือน
ทั้งนี้ โครงการเราชนะไม่ได้จำกัดจำนวนผู้ได้รับวงเงินสิทธิ สามารถลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ได้ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์ 2564 ระหว่างเวลา 06.00 น. – 23.00 น.
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3250 3423 3424 3425 3427 3429 3430 3431 และ 3444 (เฉพาะวันและเวลาราชการ) Call Center ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0 2111 1144
ด้านนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนร่วมโครงการเราชนะไปแล้วผ่านระบบออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ต่อข้อกังวลถึงกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนว่าจะลงทะเบียนอย่างไร ทางกระทรวงการคลังแจ้งว่าจะเปิดให้ประชาชนกลุ่มนี้ไปลงทะเบียนได้ที่ธนาคารของรัฐได้ทุกสาขา คือ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ธนาคารกรุงไทย ในวันที่ 15 ก.พ. เป็นต้นไป ส่วนรูปแบบการใช้เงินอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา
และสำหรับกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้สูงอายุและผู้พิการ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่และประสานเครือข่ายอาสาสมัครร่วมลงพื้นที่ปูพรมระดับหมู่บ้านทำการประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงสิทธิโครงการเราชนะ อีกทั้ง ทางกระทรวงฯได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือรองรับกรณีไม่ได้รับสิทธิไว้ด้วย และเริ่มโครงการ “พม. รถปันสุข สู่ชุมชน” ซึ่งเป็นรถที่จะกระจายของใช้ที่จำเป็นสู่ชุมชนที่เดือดร้อนอย่างมากจากโควิด19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัดที่ ศบค. ได้กำหนดไว้ก่อนหน้า พร้อมไปกับรถปันสุข เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ทำการประเมินสภาพครอบครัวกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้คำแนะนำช่องทางการหารายได้และการช่วยเหลือด้านสวัสดิการตามภารกิจ ของกระทรวงฯ อาทิ เงินสงเคราะห์ เงินทุนประกอบอาชีพ
นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการที่ประสบปัญหาในการประกอบอาชีพเนื่องจากผลกระทบจากโควิด19 ทางกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้เตรียมสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยไว้เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง ผ่านกองทุนผู้สูงอายุและกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการ โดยผู้สูงอายุสามารถขอกู้เพื่อประกอบอาชีพ รายละไม่เกิน 30,000 บาท 3 ปีแรกไม่คิดดอกเบี้ย ต้องมีผู้ค้ำประกัน ส่วนผู้พิการขอกู้ฉุกเฉินเพื่อประกอบอาชีพ รายละไม่เกิน 10,000 บาท ไม่มีดอกเบี้ย ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ยังมีการปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขอื่นๆ ซึ่งประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่พัฒนาสังคมจังหวัด หรือโทร 1300
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบดำเนินการตรวจสอบเอาผิดโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ที่มีพฤติกรรมทุจริตฉ้อโกงเงินของรัฐจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งเป็นโครงการที่ภาครัฐที่จัดทำขึ้นมาเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงไวรัสโควิด-19 จนนำไปสู่ปฏิบัติการกระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 55 จุด ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.ภูเก็ต จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน 50 ราย พร้อมกับเตรียมขยายผลเอาผิดไปยังประชาชนที่ร่วมโกงซึ่งมีจำนวนมาก เฉพาะเพียงแค่โรงแรมณัฐชญา รีสอร์ต จ.ชัยภูมิ พบมีกว่า 9,000 คน ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีดังกล่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุหลักอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” มีประชาชนร่วมกระทำผิดเป็นจำนวนมากนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ขบวนการดังกล่าวนำสื่อสังคมออนไลน์มาใช้เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อกับประชาชนทั่วไปจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเริ่มจากการโพสต์เผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับรูปแบบวิธีการโกง การสวมสิทธิ์ที่ศึกษามาจากกลโกงโครงการ”คนละครึ่ง” ซึ่งจะมีการอธิบายขั้นตอนอย่างละเอียด ตั้งแต่การเปิดซิมโทรศัพท์ สมัครแอพพลิเคชั่นถุงเงิน การส่งสำเนาบัตรประชาชน และค่าตอบแทนที่จะได้รับ
จากนั้นก็จะแนะนำให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มลับที่เปิดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นช่องทางในการซื้อขายสิทธิ์ โดยมีผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมสิทธิ์ซึ่งเปรียบเหมือนพ่อค้าคนกลางเป็นตัวกลารสำคัญในการรับซื้อสิทธิ์จากประชาชนในราคา 500 บาทต่อคน ก่อนนำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการโรงแรมตั้งแต่ราคา 800 - 1,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในการโกงเงินโครงการดังกล่าวจากรัฐต่ออีกทอดหนึ่ง
นอกจากนี้จากการตรวจสอบกลุ่มเครือข่ายซื้อสิทธิ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังพบว่าในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ นั้นนอกจากโรงแรมณัฐชญา รีสอร์ต ที่ตรวจสอบพบการกระทำความผิดกว่า 9,000 คนแล้วนั้น ยังมีโรงแรมในพื้นที่ใกล้เคียงอีกหลายแห่งที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดเช่นเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ตรวจพบเป็นที่ค่อนข้างแน่ชัดแล้วอีก 1 โรงแรม มีผู้กระทำผิดประมาณ 1 หมื่นคน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ ขณะที่ในส่วนมูลค่าความเสียหายของรัฐจากขบวนการดังกล่าวทั่วประเทศจากการตรวจสอบเบื้องต้นการคาดการณ์ว่า จะอยู่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี