ความคืบหน้าจากกรณีที่มีครอบครัวของผู้สูงอายุหลายรายในพื้นที่ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ร้องเรียนว่า ครอบครัวถูกหนังสือขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุย้อนหลังเป็นเงินจำนวนหลายหมื่นบาท เฉลี่ยรายละ 70,000-100,000 บาท บางรายไม่สามารถหาเงินมาชำระคืนได้ จนถูกทางเทศบาลตำบลจอหอส่งเรื่องฟ้องศาลแขวงนครราชสีมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมมีการเข้าร้องเรียนต่อสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา โดยสภาทนายความฯยินดีให้ความช่วยเหลือด้านคดีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยทางจังหวัดนครราชสีมา นำโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จะพิจารณาร่วมกับอัยการจังหวัดฯ พัฒนาสังคมฯ คลังจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัดเพื่อให้ความช่วยเหลือตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 1 ก.พ.64 ที่ห้องประชุมสำนักงานคลังจังหวัด ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางสาวศศินันท์ สันนิธิดาวัณย์ อัยการจังหวัดนครราชสีมา มีการประชุมร่วมกับท้องถิ่นจังหวัด จังหวัด ยุติธรรมจังหวัด คลังจังหวัด หารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือผู้สูงอายุทั้ง จ.นครราชสีมา ที่มีจำนวน 610 ราย ที่ถูกเรียกเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืน ในจำนวนนี้มีรายของนางชูศรี พูนชัย อายุ 83 ปี ผู้ป่วยติดเตียง อยู่บ้านเลขที่ 228 หมู่ที่ 4 ต.บัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ฯ ที่ได้รับความสนใจมาก เนื่องจากเป็นผู้ป่วยติดเตียงมีโรคประจำตัวหลายโรค ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยทางอำเภอบัวใหญ่ฯให้การช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้ว
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการสำรวจของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา พบจำนวนผู้สูงอายุที่แจ้งในระบบสารสนเทศที่ได้รับสวัสดิการจากภาครัฐซ้ำซ้อนกับเบี้ยผู้สูงอายุ จำนวน 610 ราย โดยมีจำนวนเงินที่รับเกินสิทธิ์จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 26,952,154,.86 บาท สถานการณ์เรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุจากผู้ไม่มีสิทธิ์ ดำเนินการแล้ว จำนวน 195 ราย เป็นเงิน 7,802,898.86 บาท อยู่ระหว่างการดำเนินการ 285 ราย เป็นเงิน 15,026,896 บาท ยังไม่ดำเนินการ 89 ราย เป็นเงิน 3.792,300 บาท ไม่เบิกจ่าย 41 ราย รวม 610 ราย
สำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือ จะต้องแบ่งออกเป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ตามระเบียบ ซึ่งต้องมาดูรายละเอียดว่าสาเหตุที่ไม่สามารถนำเงินมาคืนได้มาจากสาเหตุใด เช่น เป็นผู้สูงอายุ อยู่ตัวคนเดียว ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จะต้องหาวิธีช่วยเหลือ เช่นการผ่อนชำระหรือไม่ ซึ่งจะต้องหารือกับหน่วยงานด้านกฎหมายและศึกษาถึงกฎระเบียบให้ชัดเจน หากมีการศึกษาข้อกฎหมายแล้วมีแนวทางที่สามารถช่วยเหลือผู้สูงอายุทั้งหมดได้ ทางจังหวัดก็จะให้คำแนะนำและช่วยเหลือทันที ผู้สูงอายุทั้งหมดถือว่าน่าสงสารและรับเงินไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งการหารือทั้งหมดจะเสนอแนวทางการช่วยเหลือไปทางกระทรวงมหาดไทย
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ทางจังหวัดหาข้อมูลและเสนอแนวทางที่พอจะเป็นไปได้ไปให้ทางกระทรวงมหาดไทยพิจารณา ทั้งนี้ ขอให้ผู้สูงอายุควรรอฟังข่าวดีทางภาครัฐไม่นิ่งนอนใจและจะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย
นายวิเชียร กล่าวว่า ในส่วนรายนางชูศรี พูนชัย อายุ 83 ปีผู้ป่วยติดเตียง อยู่บ้านเลขที่ 228 หมู่ที่ 4 ต.บัวใหญ่ การให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นมีการมอบรถวิลแชร์ 1 คัน เครื่องอุปโภคบริโภค 1 ชุด ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ (แพมเพิส) 2 ชุดและผ้าห่มนวม 1 ผืน รวมทั้งศูนย์สุขภาพชุมชนมีการประสานโรงพยาบาลบัวใหญ่ เพื่อสนับสนุนเตียงนอนและประสานทีมติดตามเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงโดยให้ออกไปตรวจเยี่ยมนางพูนศรี ทุกสัปดาห์และประสานโรงพยาบาลบัวใหญ่อำนวยความสะดวกในการจัดรถรับส่งเพื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลบัวใหญ่
ด้านนางสาววันเพ็ญ อำพาส คลังจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.64 นางนิโลบล แวววับศรี รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้ชี้แจงที่ถึงกรณีมีคนชรารับเงินเบี้ยยังชีพคนชราและเงินบำนาญซ้ำซ้อนกันกว่า 15,000 คนทั่วประเทศ โดยจังหวัดนครราชสีมามีจำนวน 610 คนว่า กรมบัญชีกลางไม่ได้เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบความซ้ำซ้อน โดยเรื่องดังกล่าวมาจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ส่งข้อมูลเลขบัตรประชาชน 13 หลักมาให้กรมบัญชีกลาง ซึ่งทำหน้าที่ดูแลระบบจ่ายเงินกลางให้รัฐบาล ช่วยตรวจสอบว่าข้อมูลบุคคลเหล่านั้นมีการรับเงินบำนาญ หรือบำนาญพิเศษหรือไม่ ซึ่งเมื่อกรมตรวจเสร็จก็ได้ส่งกลับไปให้กรมส่งเสริมการปกครองฯ ตามจำนวนใกล้เคียงกับที่เป็นข่าว
ส่วนจะมีการรับเบี้ยคนชราซ้ำซ้อนกับเงินบำนาญ หรือบำนาญพิเศษ หรือไม่นั้นเป็นขั้นตอนที่กรมส่งเสริมการปกครองฯจะนำข้อมูลที่ได้รับจากกรมบัญชีกลาง ไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลการจ่ายเบี้ยคนชราเองว่า มีการซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ซ้ำซ้อนตั้งแต่เมื่อไร และมีจำนวนเงินซ้ำซ้อนกี่บาท ที่สำคัญการขอเรียกเบี้ยคนชราคืน เป็นอำนาจของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไม่ใช่อำนาจของกรมบัญชีกลาง เพราะกรมบัญชีกลางทำหน้าที่ตัวกลางในการสั่งจ่ายเงิน ตามรายชื่อและงบประมาณที่กรมส่งเสริมการปกครองฯ แจ้งมาให้เท่านั้น
คลังจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต่อว่า ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมกรณีการตรวจสอบข้อมูลการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยกรมบัญชีกลางจัดทำระบบ e-Social Welfare ซึ่งในระบบจะมีถังตรวจสอบข้อมูล โดย อปท.จะทำการตรวจสอบเลขบัตรประชาชนของผู้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุว่าซ้ำซ้อนกับผู้รับบำนาญหรือไม่ กรณีถ้าพบว่าข้อมูลซ้ำซ้อน อปท.จะหยุดการจ่าย และสำหรับการเรียกคืนเงินนั้นเป็นหน้าที่ของ อปท.ที่จ่ายเงินไปเพราะผู้สูงอายุรายดังกล่าวไม่มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามระเบียบฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี