สั่งยธ.จังหวัดรวบรวมข้อมูลภายใน7วัน จ่อตั้งคณะทำงานช่วยเหลือด้านกม.ผู้สูงอายุและทายาทที่ถูกฟ้องร้องเรียกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน 1.5 หมื่นราย
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่อาคารกระทรวงยุติธรรมแห่งใหม่ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับเรื่องจาก ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เพื่อขอให้กระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ถูกเรียกเงินเบี้ยยังชีพคนชราคืนย้อนหลัง 10 ปี จากการรับเงินซ้ำซ้อนจากเงินสงเคราะห์ที่ภาครัฐให้กับทายาทผู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากการปฎิบัติหน้าที่ทางราชการหลักแสนบาท
นายสงกาญ์ กล่าวว่า จากปรากฏเป็นข่าวกรณีหญิงสูงอายุ กว่า 15,000 ราย ถูกหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรียกเงินเบี้ยยังชีพคนชราคืนย้อนหลังเป็นเวลา 10 ปีเศษ เนื่องจากรับเงินซ้ำซ้อนเป็นเงินช่วยเหลือสงเคราะห์ที่ภาครัฐให้กับทายาทผู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการเกือบ 1 แสนบาท จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ จะนำคำพิพากษาของคดีที่เหล่าทายาทผู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพที่เคยเข้าร้องทุกข์ในกรณีคล้ายกันนี้ จำนวน 1,300 ราย เมื่อปี 48 ซึ่งศาลพิพากษาตัดสินให้ยกฟ้องมาเทียบเคียงเพื่อประกอบพิจารณาเพิ่มเติม
"ผมเห็นว่าเงินช่วยเหลือทายาทผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่และเงินเบี้ยเลี้ยงยังชีพผู้สูงอายุเป็นคนละส่วนกัน จึงไม่เห็นด้วยที่จะเรียกคืน และทุกวันนี้มีผู้สูงอายุถูกหว่านล้อมและข่มขู่ หากไม่คืนเงินดังกล่าวจะต้องติดคุก บางรายถูกหลอกให้เซ็นชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้ที่กำหนดให้ชำระเงินคืนพร้อมอัตราดอกเบี้ย ทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาจ่ายคืน จึงอยากให้กระทรวงยุติธรรมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบวินัย เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพราะเหตุเกิดตั้งแต่ปี 58 ถือว่าละเลยการตรวจสอบมานาน" นายสงกาญ์ กล่าว
ด้าน ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมยินดีให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย โดยขอให้นำเอกสารหลักฐานที่ตัวเองมี รวมถึงหมายเรียก , หมายศาล มาติดต่อที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัด ในพื้นที่ของผู้เสียหาย โดยจะให้แต่ละจังหวัดช่วยตรวจสอบและรายงานผลเข้ามายังกระทรวงยุติธรรมภายใน 7 วัน จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น ก่อนจะพิจารณาตั้งคณะทำงานเพื่อเร่งรัดเข้าช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน โดยแต่ละรายจะพิจารณาร่วมกับหนังสือสัญญาและระเบียบการยื่นขอเงินเบี้ยผู้สูงอายุ เนื่องจากแต่ละกรณีมีพฤติการณ์ไม่เหมือนกัน เช่น บางรายอาจไม่ต้องคืนเงิน หรือ คืนเท่าที่จำเป็น หรือ คืนเงินเท่าที่เหลืออยู่ หรือบางรายอยู่ในชั้นไกล่เกลี่ยชำระหนี้ หรืออยู่ระหว่างพิจารณาของศาล และต้องพิจารณาด้วยว่าผู้เสียหายมีเจตนารับเงินทั้งที่รู้ว่าเป็นการรับซ้ำซ้อนหรือไม่ หรือเจ้าหน้าที่รัฐชี้แจงคุณสมบัติรายละเอียดของเงินที่ได้รับหรือไม่
"ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ข่มขู่ให้ชำระเงินคืนก็สามารถแจ้งข้อมูลมาที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดได้ กระทรวงจะให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เข้าไปช่วยเหลือดูแลเรื่องคุ้มครองพยานและปรึกษาข้อกฎหมาย พร้อมทั้งช่วยจัดหาทนายว่าความให้ ดังนั้น ขอให้ประชาชน 15,000 ราย ไม่ต้องตระหนกตกใจ ขอให้ท่านสบายใจใน เบื้องต้นคดีนี้เป็นคดีแพ่ง ไม่มีโทษติดคุกติดตะราง"
ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมเน้นย้ำเจ้าหน้าที่รัฐให้ระมัดระวังในการติดตามทวงเงิน อย่าให้รุนเเรงจนกลายเป็นการข่มขู่ อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาอีกครั้งว่าผู้เสียหายมีเจตนารับเงินทั้งที่รู้ว่าเป็นการรับซ้ำซ้อนหรือไม่ รวมทั้งต้องตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ชี้แจงคุณสมบัติเเละรายละเอียดของเงินที่ได้รับหรือไม่ ส่วนผู้สูงอายุท่านใดเดินทางมายุติธรรมจังหวัดไม่สะดวกหรืออยู่ไกล สามารถสอบถามเบอร์โทร. 1111 ต่อ 77 โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ไปให้คำปรึกษา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี