หวังพึ่ง‘ส.ศิวรักษ์’! แกนนำ3นิ้วดิ้น ร้องอัยการสอบเพิ่ม 3 พยานคดีม.112
เมื่อช่วงสายวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน , นายอานนท์ นำภา , นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ 4 แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ผู้ต้องหาคดีร่วมกันชุมนุมฯ เดินทางมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ กรณีเมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563 ผู้ต้องหาได้ร่วมชุมนุมกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ - สนามหลวง และดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , ยุยงปลุกปั่นฯ ม.116 และข้อหาอื่นๆ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘แกนนำ3นิ้ว’เข้าพบอัยการ ลุ้นสั่งฟ้องคดีชุมนุม 19 กันยา)
นายสมยศ เปิดเผยว่า ตนสู้คดีและปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอดหวังว่า วันนี้จะได้รับการอำนวยความยุติธรรม โดยเฉพาะการประกันตัว มีข้อสังเกตคือตำรวจแจ้งข้อหา ม.116 แต่ต่อมามีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ม. 112 อย่างรวดเร็ว พอส่งอัยการใช้เวลาแค่ 10 วัน พิจารณาส่งฟ้องศาล ตนเห็นว่า เป็นเรื่องไม่ปกติในการดำเนินคดี เกรงว่าจะใช้กฎหมายกลั่นแกล้งคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งตนได้เตรียมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม อาทิ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ และนายสมชาย หอมลออ เกี่ยวกับการดำเนินคดี ม.112 เป็นการขัดพระราชประสงค์ เป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จึงอยากให้ทบทวนสอบเพิ่มเติม
ด้านนายปติวัฒน์ เปิดเผยว่า การโดน ม.112 ของตนเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต ครั้งแรกประมาณปี 2557 ครั้งนี้ถูกแจ้งจากเหตุการณ์วันที่ 19 ก.ย. 2563 ที่ตนปราศรัยขอเป็นตัวแทนยื่น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และไม่กังวลเรื่องการถูกขัง เตรียมหลักทรัพย์ประกันมาครึ่งล้าน
ส่วนนายอานนท์ เปิดเผยว่า วันนี้อัยการนัดทั้ง 4 คน ในคดีชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. 2563 ส่วนนายพริษฐ์มีเพิ่มอีก 1 คดี คือคดีชุมนุมม็อบเฟส ทั้ง 2 คดีได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้อัยการสอบพยานเพิ่ม เพราะพนักงานสอบสวนสอบแต่พยานฝ่ายผู้กล่าวหา ยังขาดฝ่ายผู้ต้องหา จึงขอให้สอบพยานเพิ่มเติมอีก 3 คน ซึ่งพยานจะให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ม.112 และ ม.116 ต้องรอดูว่าพนักงานอัยการจะรับหนังสือของเราหรือส่งฟ้องเลย ส่วนการนัดชุมนุมในวันที่10 ก.พ.ไม่เกี่ยวกับคดีวันนี้ เพราะการนัดคดีถูกกำหนดไว้ก่อนแล้ว
“ถ้าไม่ติดอะไรจะร่วมอยู่แล้ว เป็นการชุมนุมเปิดศักราช น่าจะมีผู้ร่วมเยอะอยู่แล้ว มีหลายเรื่องที่ต้องพูดคุย โดยเฉพาะการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล และคิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐขัดขวางแน่ ราษฎรเรามีความพร้อม เราเคยเจอสถานการณ์ถูกกดดัน ถูกปราบมาพอสมควร คิดว่าเราพร้อมรับมืออยู่แล้ว ทั้งนี้ ไม่ใช่การโหนกระแสม็อบเมียนมา เรื่องประชาธิปไตยเป็นเรื่องสากล อะไรที่เราสนับสนุนได้เราสนับสนุน” นายอานนท์ กล่าว
ขณะที่ เพนกวินเปิดเผยถึงข้อหาในคดีม็อบเฟสว่า จำไม่ได้ว่าข้อหาทั้งหมดมีอะไรบ้าง แต่ที่สำคัญคือ ม.112 เราก็ต้องยืนยันทั้งสองคดีเป็นการใช้กฎหมายเพื่อปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออก แต่ถ้าจับทุกคนส่งฟ้อง ถามว่านี่คือสัญญาณชนชั้นนำจะไม่ยอมรับฟังเสียงประชาชนหรือไม่ การเลือกใช้กฎหมายเป็นการปิดกั้นทำร้ายประชาชนฝ่ายเดียว ขอย้ำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม ถ้าเป็นไปได้ไม่ต้องสั่งฟ้อง เราใช้เสรีภาพการแสดงออกที่ได้รับการรับรองทางสากล ไม่อยากให้กระบวนการยุติธรรมตกต่ำในสายตาประชาคมโลก
นายพริษฐ์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า ประชาธิปไตยไม่มีพรมแดนอยู่แล้ว การเคาะหม้อไม่ได้เริ่มที่เมียนมา แต่เริ่มที่สเปน ดังนั้นไม่แปลกที่เราจะเคาะหม้อไล่เผด็จการ เรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ และที่เมียนมาก็ชูสามนิ้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เราใช้กันมาในขบวนการประชาธิปไตยของไทย ประชาธิปไตยไร้พรมแดน ไม่ว่าประชาชนประเทศไหนก็มีสิทธิเป็นเจ้าของแผ่นดินที่ตนเองเกิด
สำหรับบรรยากาศบริเวณหน้าศาลอาญา มีตำรวจจากสน.พหลโยธินและตำรวจศาล วางกำลังไว้โดยรอบมีการนำแผงเหล็กมาปิดกั้น และมีการเพิ่มจุดคัดกรองผู้ที่จะเข้า-ออก บริเวณศาลอย่างเคร่งครัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี