ผบ.ตร.เค้นสอบ ‘หลงจู๊’ปัดคายข้อมูลบ่อน เตรียมยึดทรัพย์-ล่าอีก 4 แฉธุรกรรมการเงิน-เส้นทางโยงใยขน "ตู้สล็อต" ซุกขอนแก่น
11 กุมภาพันธ์ 2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) , พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง รอง ผบช.ภ.1รรท.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี , พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง ผบก.ภ.จว.นครนายก รรท.ผบก.สส.ภ.2 เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง เพื่อสอบสวนนายสมชาย จุติกิติ์เดช หรือหลงจู๊ กรณีพัวพันบ่อนพนันหลายแห่งในภาคตะวันออก (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : บุกรวบ‘หลงจู๊สมชาย’คาบ้านพักเมืองระยอง เค้นสอบปมบ่อนตะวันออก) ก่อนแถลงผลการจับกุมครั้งนี้
สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 14-19 มกราคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมกลุ่มคนขับรถบรรทุกที่ลักลอบขนย้ายเครื่องจักรกลไฟฟ้า หรือตู้สล็อตแมชชีน มาชุกซ่อนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจากการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการขยายผล จนทราบว่ามีการนำมาซุกซ่อนไว้ภายในโกดัง ไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 6 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำหมายค้นของศาล จ.ขอนแก่น เข้าทำการตรวจค้นโกดังดังกล่าว พบตู้สล็อตแมชชีนซุกซ่อนอยู่ภายในโกดัง 418 ตู้
จากการสืบสวนทราบว่าการลักลอบขนย้ายตู้สล็อตแมชชีนดังกล่าว ร่วมกันดำเนินการเป็นขบวนการ โดยกลุ่มของผู้ต้องหาทำธุรกิจเกี่ยวกับการลักลอบเล่นการพนัน เมื่อทราบว่ามีการดำเนินการกวาดล้างการพนันในพื้นที่ จึงเกรงว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจจับกุม จึงได้เช่าโกดังในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ไว้สำหรับซุกซ่อน และมีการติดต่อจ้างคนขับรถบรรทุก ให้มาทำการบรรทุกขนย้ายตู้สล็อตแมชชีน จาก ต. บางพระ อ..ศรีราชา จ.ชลบุรี ไปยัง ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีธนาคารของกลุ่มผู้ต้องหา มีเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนหลายสิบล้านบาท เงินดังกล่าวได้รับการยักย้ายถ่ายเทมาจากเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาเปิดให้มีการลักลอบเล่นการพนันก่อนหน้านี้ โดยบัญชีธนาคารของกลุ่มผู้ต้องหาจะมีการทำธุรกรรมทางการเงินในมูลค่าที่สูงกว่าปกติ และยังตรวจสอบพบอีกว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะมีการนำเงินไปแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญกษาปณ์ เพื่อนำไปใช้กับตู้สล็อตแมชชีนอยู่บ่อยครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติหมายจับต่อศาลเพื่อทำการจับกุมผู้ร่วมขบวนการดังกล่าว โดยในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายศาลเข้าทำการจับกุมเป้าหมายทั้งหมด 5 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าว ตรวจยึดสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินหรือบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้อง และขยายผลผู้ร่วมขบวนการรายอื่นอีกต่อไป
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวว่า จากการสืบสวนบ่อนการพนันในพื้นที่ จ.ระยอง มาตลอดได้มีการออกหมายจับทั้งหมด 5 คน 1.นายสมชาย หรือหลงจู๊ จุติกิติ์เดชา 2.นายน้อย (สงวนนามสกุล)ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงระยอง ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 3.น.ส.ฤดี(สงวนนามสกุล) 4.น.ส.อลิสา(สงวนนามสกุล) และ 5.นายดำรง(สงวนนามสกุล) และวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายศาลเข้าจับกุมเป้าหมายทั้ง 5 เป้าหมาย 10 จุดตรวจค้น สามารถจับกุมนายสมชาย ซึ่งเป็นตัวการหลักที่ร่วมก่อเหตุ และสามารถตรวจยึดสิ่งของที่เป็นพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจำนวน 28 รายการ ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คนที่กำลังหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ จากการสอบสวนนายสมชาย ผู้ต้องหาฐานความผิดฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับหมายดังกล่าวทั้ง 4 ราย และได้ทำการตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องร่องรอยต่างๆทางด้านคดี รวบรวมเสนอต่อศาล จ.ระยอง และได้ออกหมายจับ แจ้งข้อกล่าวหานายสมชาย แต่ให้การปฏิเสธและไม่ยอมให้การใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนทางคดี จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป สำหรับรายละเอียดไม่สามารถพูดได้เพราะอยู่ในสำนวนและจะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.การฟอกเงินด้วย และจะต้องดำเนินการยึดทรัพย์ส่วนจะมีทรัพย์สินอะไรบ้างอยู่ระหว่างตรวจสอบ
สำหรับ “หลงจู๊” คนดังของเมืองระยอง ถูกระบุว่าเป็นเจ้าของบ่อนการพนันที่พบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน จ.ระยอง และภาคตะวันออก ระลอกใหม่นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี