สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เขียนถึงการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในฤดูแล้งปีที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จอย่างน่าพอใจ ทั้งๆ ที่ปริมาณน้ำต้นทุนมีจำนวนจำกัด แต่ก็ผ่านพ้นวิกฤติมาได้ ด้วยการทำงานแบบบูรณาการภายใต้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.)
มาถึงฤดูแล้งปีนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่ EEC เป็นอย่างไร?
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) บอกว่า ปริมาณน้ำต้นทุนในภาคตะวันออกปีนี้มีปริมาณน้ำรวม 1,928 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 62%มีปริมาณน้ำมากกว่า 303 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นผลมาจากฝนที่ตกลงมากกว่าปีที่แล้ว ประกอบกับหลากหลายมาตรการที่ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการร่วมกัน รวมทั้งรัฐบาลยังได้อนุมัติงบกลางเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนปี 2563 ที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 1,451 แห่ง ส่งผลให้ปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมากกว่าปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาถึงความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ EEC ในอนาคตนั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถในการวางแผนแก้ปัญหา ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีความต้องการใช้น้ำรวม 2,419 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 58 ของความต้องการใช้น้ำภาคตะวันอออก ในปี 2570 ความต้องการจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,888 ล้านลบ.ม. และในปี 2580 ความต้องการจะพุ่งขึ้นถึง 3,089 ล้านลบ.ม.
ในขณะที่ปริมาณน้ำต้นทุนที่หล่อเลี้ยงพื้นที่ EEC ในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 2,540 ล้านลบ.ม.ต่อปี โดยเป็นปริมาณน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และกลาง 1,368 ล้านลบ.ม. จากลุ่มเจ้าพระยา 597 ล้านลบ.ม. จากแม่น้ำปราจีนบุรี-นครนายก 395 ล้านลบ.ม. จากน้ำบาดาล 79 ล้านลบ.ม. ผันจากคลองพระองค์ไชยานุชิต 70 ล้านลบ.ม. และจากลุ่มน้ำบางปะกง 30 ล้านลบ.ม.
ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่มากกว่าความต้องการใช้น้ำในปัจจุบันประมาณ 100 กว่าล้านลบ.ม.เท่านั้น หากไม่หาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น อีกไม่กี่ปีน้ำในพื้นที่ EEC จะขาดแน่นอน
“สทนช. ได้วางแผนในเชิงป้องกัน โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำเพื่อสร้างความมั่นคงน้ำในเขต EEC ระยะยาวไว้แล้ว” เลขาธิการ สทนช. กล่าวถึงแนวทางในการแก้ปัญหา
ระหว่างปี 2563-2580 จะดำเนินการทั้งหมด 38 โครงการ เน้นการบริหารจัดการน้ำต้นทุนในพื้นที่แหล่งน้ำนอกลุ่มน้ำ แหล่งน้ำผิวดิน น้ำบาดาล รวมถึงพัฒนาน้ำจืดจากน้ำทะเล โดยคำนึงถึงความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศมาใช้ในการพัฒนาโครงการด้วย โดยขณะนี้ได้แล้วเสร็จ 4 โครงการ ได้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 46.47 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ 13 โครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 ได้ปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก 216.32 ล้าน ลบ.ม. ส่วนที่เหลิือจะดำเนินในระยะต่อๆ ไปจนครบตามแผน
นอกจากนี้ สทนช. ยังได้เร่งจัดทำผังน้ำของลุ่มน้ำบางปะกงขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจัดสรรทรัพยากรน้ำตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ อย่างเป็นระบบและเป็นธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงในเรื่องน้ำต้นทุนให้พื้นที่ EEC อีกทางหนึ่ง
ฟันธง!!! “EEC จะมีความมั่นคงในเรื่องน้ำอย่างแน่นอน” ดร.สมเกียรติการันตี
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี