เนื้อหาในวันนี้เป็นตอนที่ 3 ซึ่งผมได้มีโอกาสได้เขียนเรื่องราวเนื้อหาให้ตรงกับชื่อคอลัมน์ ซึ่งผมจะร้อยเรียงประเด็นที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไปจนถึงกฎหมายที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไว้ในคอลัมน์นี้
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมที่ทำให้สภาพแวดล้อมหรือความเป็นอยู่เปลี่ยนแปลงไป โดยผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สามารถพบเห็นกันได้บ่อย อาทิ มลภาวะทางอากาศ เช่น ควัน กลิ่น ฝุ่น PM2.5 มลภาวะทางน้ำ เช่น น้ำเสียขยะกลิ่นเหม็น มลภาวะทางอาหาร เช่น การปนเปื้อนจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร มลภาวะทางเสียง เช่น เสียงอันเกิดจากประกอบกิจการสถานบันเทิง มลภาวะทางแสง เช่น แสงสะท้อนจากตึกที่เป็นกระจกมลภาวะทางความร้อน เช่น ความร้อนที่เพิ่มขึ้นจากน้ำ ไอน้ำ อากาศอันเกิดจากการประกอบกิจการมลภาวะจากการสั่นสะเทือน เช่นรถบรรทุกหนัก เกิดจากการก่อสร้างตอกเสาเข็ม มลภาวะทางกลิ่น เช่น น้ำเสียสิ่งปฏิกูล จากสารเคมีมลภาวะทางทัศนียภาพ เช่นการก่อสร้างอาคารที่ปิดบังวิสัยทัศน์ บังลม ก็ถือว่าเป็นมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกันซึ่งมลภาวะดังกล่าวข้างต้นนั้นล้วนเกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ในชีวิตประจำวันไปจนถึงการประกอบกิจการหรือบางครั้งอาจจะเกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
ซึ่งมลภาวะดังกล่าวนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมหลายอย่าง เช่น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย อนามัย วิถีชีวิตในการดำรงชีวิต ระบบนิเวศ ซึ่งเป็นปัญหากระทบในวงกว้าง ทั้งนี้
ผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นย่อมมีดังนี้ ผู้ก่อมลพิษหรือผู้ประกอบการซึ่งอาจจะเป็นเอกชนหรือรัฐก็ได้และกฎหมายได้ให้ความสำคัญ โดยวางหลักการให้ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นผู้ก่อมลพิษนั้น จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าก่อนที่จะเกิดมลพิษในลักษณะที่เป็นการป้องกันเฝ้าระวังหรือเป็นการเยียวยาแก้ไขภายหลังที่เกิดจากความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ต่อมาคือผู้เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายโดยตรง หรือผู้เสียหายโดยอ้อม ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว อันเกิดจากด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของผู้ประกอบการหรือผู้ก่อมลภาวะก็ตามซึ่งสิทธิของผู้เสียหายนั้นถือเป็นหลักสากลที่บุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิในการอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ดี เมื่อมีบุคคลกระทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปจนกระทบต่อการเป็นอยู่ ผู้ได้รับผลกระทบย่อมมีสิทธิรับการเยียวยาแก้ไขให้สิ่งแวดล้อมกลับคืนดีดังเดิม รวมทั้งมีสิทธิได้รับการเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากผลกระทบดังกล่าว ต่อมาได้แก่ทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งถูกกระทำให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในลักษณะที่แย่ลง เช่น ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรน้ำหรือดินที่เกิดจากสารเคมี หรือความเสื่อมโทรมจากทรัพยากรป่าไม้ที่เกิดจากลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เป็นต้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวและรอบตัวเรา ในทุกวันตั้งแต่ตื่นนอนไปถึงเข้านอนอีกรอบ และการควบคุมป้องกัน เยียวยาปัญหาสิ่งแวดล้อมดังกล่าวนั้น ล้วนมีกฎหมายบัญญัติหลักเกณฑ์ไว้เป็นจำนวนมาก รวมถึงหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลหลายหน่วยงานนอกจากนี้ ยังมีกลไกป้องกัน เยียวยาแก้ไข ร้องเรียน ซึ่งผู้เขียนจะนำมาเล่าในตอนต่อๆ ไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี