24 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ เฟสบุ๊คเพจ ที่ชื่อ "อีซ้อขยี้ข่าว" ได้ลงข้อความพสดหัวว่า "น้องข้าวห้าง 6 ขวบหายตัวลึกลับขณะอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดพะเยา ฯลฯ " จนทำให้มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์และแชร์ข้อความนี้เป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวได้ติดตามน.ส.ชัญญาภัค แซ่ลี้ หรือ น้องฟ้า อายุ 35 อยู่บ้านเลขที่ 350 ม.1 ต.นาปรัง อ.ปง จ.พะเยา ซึ่งเป็นแม่ของน้องข้าวฟ่าง ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมพี่สมพรได้โทรโทรศัพท์และร้องไห้โดยแจ้งว่า ให้ตนกลับมาบ้านได้ไหมเนื่องจากว่า ครูที่โรงเรียนได้นำตัวน้องข้าวฟ่างไปไว้ที่บ้านพักเด็ก ซึ่งพี่สมพรอยากให้ตนรีบเดินทางกลับมาเพื่อมารับตัวน้องกลับ ในตอนนั้นตนรู้สึกงงมากว่า สาเหตุอะไรครูถึงได้พาตัวข้าวฟ่างไปไว้ที่บ้านพักเด็ก โดยที่ไม่ยอมมาบอกผู้ปกครอง
โดยพี่สมพรเป็นคนเลี้ยงข้าวฟ่างมาตั้งแต่เกิด ดูแลช่วยเหลือทุกอย่าง ถึงพี่สมพรจะไม่ใช่พี่สาวแท้ๆของตน แต่เราก็อยู่ด้วยกันมานาน และพี่สมพรก็เลี้ยงน้องมาโดยตลอด แต่ครูกลับไม่ยอมบอกเรื่องราวที่จะนำน้องไปไว้ที่บ้านพักเด็ก ทั้งที่น้องก็ไม่ใช่เด็กกำพร้า
ในตอนนั้นตนทำงานอยู่จังหวัดยะลา ยังไม่สามารถเดินทางกลับมาจังหวัดพะเยาได้เพราะติดโควิด ตนจึงได้โทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลต่างๆจากพี่สมพรจึงทราบว่า พี่สมพรได้พยายามเดินทางไปติดต่อขอรับน้องข้าวฟ้างคืนมาโดยตลอด แต่ถูกกีดกันด้วยสาเหตุที่ว่าพี่สมพรไม่ใช่ผู้ปกครองของเด็ก และหน่วยงานต่างๆได้แจ้งกับพี่สมพรว่า ถ้าเด็กมีพ่อมีแม่จริงก็ให้ผู้ปกครองตัวจริงทำหนังสือรับรองและมอบอำนาจว่า ได้ให้พี่สมพรเป็นผู้ปกครองผู้เลี้ยงดูและนำหนังสือไปยื่นต่อนายอำเภอเพื่อให้นายอำเภอได้เซ็นรับทราบ เพื่อจะเอาหนังสือดังกล่าวไปยื่นขอรับตัวน้องข้าวฟ่าง จากบ้านพักเด็กกลับมาที่บ้านเหมือนเดิม
ตนยังได้ทราบข้อมูลอีกว่า ครูประจำชั้นของน้องข้าวฟ่าง ที่ชื่อครูเปิ้ล ได้พูดให้เด็กในโรงเรียนฟังว่า น้องข้าวฟ่างเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อมีแม่ จนทำให้เพื่อนในโรงเรียนล้อข้าวฟ่างว่า " อีลูก ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ " จนทำให้น้องไม่อยากไปโรงเรียน แถมเวลาไปเรียนน้องยังถูกเพื่อนในโรงเรียนแกล้ง ทำลายอุปกรณ์การเรียน
เช่น ฉีดสมุด ใช้ดินสอขีดเขียนสมุด กระเป๋า เสื้อผ้า และยังมีเพื่อนทำร้ายร่างกาย ด้วยการบีบคอ บางคนก็ตบหน้าน้องข้าวฟ้างเกือบทุกวัน ซึ่งเวลาน้องโดนทำร้าย น้องก็จะนำเรื่องมาบอกกับน้องบาส อายุ 9 ขวบ ลูกชายของลูกสาวพี่สมพร คนที่เลี้ยงดูและเป็นเจ้าของบ้าน เพราะในบ้านจะมีเด็ก 2 คน คือน้องบาส อายุ 9 ขวบ และน้องข้าวฟ่าง อายุ 6 ขวบ
ซึ่งการให้ข้อมูลของน้องบาสถูกครูเปิ้ล สั่งห้ามพูดและให้เหตุผลว่า ถ้าพูดไปแล้วอาจจะทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง ซึ่งเรื่องนี้จึงทำให้ตนรู้สึกสงสัยในพฤติกรรมของครูเปิ้ลเป็นอย่างมาก และอยากจะถามครูเปิ้ลว่าเพราะเหตุใด จึงไปพูดว่าน้องข้าวฟ่างเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ แล้วเพราะเหตุใดครูเปิ้ลและตำรวจ จึงนำตัวน้องข้าวฟ่างไปไว้บ้านพักเด็ก โดยไม่แจ้งตนและไม่แจ้งกับพี่สมพร ซึ่งเป็นคนที่เลี้ยงดูน้องมาตั้งแต่เกิดเสียก่อน ทั้งที่พี่สมพรก็แจ้งไปแล้วว่า น้องไม่ได้เป็นเด็กกำพร้า
นางสมพร ดุสิตากร อายุ 50 ปี ป้าผู้ที่เลี้ยงน้องข้าวฟ่างมาตั้งแต่เกิดได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านต้นสังเกตเห็นบริเวณลำคอของน้อง มีลักษณะสีดำจึงถามน้องไปโดนอะไรมาซึ่งน้องได้ตอบกลับมาว่า ไม่เป็นอะไรแม่ชิวๆ ซึ่งลูกชายของตนที่ชื่อ น้องแซด ซึ่งเป็นคนที่คอยขับรถไปรับไปส่งน้องบาสและน้องข้าวฟ่างที่โรงเรียน ได้บอกกับตนว่า น้องข้าวฟ่างไม่ยอมอาบน้ำเพราะในช่วงนั้นอากาศหนาวเย็น ตนจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก
ต่อมาในวันที่ 7 มกราคมช่วงบ่าย ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่บ้านและมาแจ้งว่า ตอนนี้ครูที่โรงเรียนได้พาน้องข้าวฟ่างไปตรวจร่างกาย เพราะบริเวณลำคอมีรอยเหมือนถูกทำร้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาด้วยหนึ่งในนั้นได้แนะนำตัวเองว่าชื่อ " สารวัตรบอย " และยังบอกอีกว่าตนเพิ่งย้ายมาใหม่ โดยมาขอเก็บเสื้อผ้าของน้องข้าวฟ่าง โดยบอกว่าตอนนี้น้องข้าวฟ้างอยู่ในที่ที่ดีและปลอดภัยแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนก็รู้สึกตกใจและกลัวแต่เห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแจ้งจึงเก็บเสื้อผ้าไปและร้องไห้ด้วยความเสียใจ ซึ่งตนรู้สึกสงสัยว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นทำไมครูและตำรวจไม่ยอมมาถามตนก่อน เพราะตนก็เป็นคนดูแลและเลี้ยงดูน้องข้าวฟ่าง
หลังจากนั้นตนจึงโทรตามลูกชายให้มารับเพื่อจะเดินทางไปที่โรงเรียนอนุบาลปง ซึ่งตอนนั้นตนตั้งใจจะไปหาครูเปิ้ลเพื่อจะสอบถามข้อมูลและเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น แต่พอไปถึงโรงเรียนอนุบาลปงไม่พบครูเปิ้ลซึ่งครูที่อยู่ภายในโรงเรียนได้แจ้งว่า ครูเปิ้ลพาน้องข้าวฟ่างขึ้นรถตู้ไปส่งที่บ้านพักเด็กแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนตกใจมากจึงรีบเดินทางไปยัง สภ.ปง เพื่อจะไปถามรายละเอียดกับสารวัตรบอย คนที่มาเก็บเสื้อผ้าน้องข้าวฟ่าง แต่ก็ไม่เจอและมีตำรวจอยู่ 1 นาย ได้มาขอเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้บอกว่า เดี๋ยวจะแจ้งให้สารวัตรบอยโทรกลับ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครโทรกลับมา
หลังจากนั้นตนและลูกชายจึงเดินทางกลับมาบ้าน ซึ่งตนรู้สึกเสียใจมากจึงพิมพ์ข้อความระบายในเรื่องดังกล่าวลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว และในเวลาเดียวกันลูกสาวคนโตของตนได้พิมพ์ข้อความและโพสต์เรื่องราวดังกล่าวเข้าไปในเฟสบุ๊คที่ชื่อกลุ่มคนเมืองปง ภายหลังจากที่ลูกสาวของตนโพสต์ข้อความได้ประมาณ 3 ชั่วโมง จู่ๆปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ อส. กว่า 10 คน ได้ขับรถเข้ามาจอดภายในบ้าน โดยปลัดอำเภอมีท่าทีไม่พอใจและได้เข้ามาถามหาลูกสาวของตน
โดยถามว่า ลูกสาวคนที่เป็นคนโพสต์ข้อความ คนที่ปากจัดไปอยู่ไหน ตนจึงบอกว่า เขาอยู่บ้านสามีเขา ซึ่งปลัดอำเภอ ได้ตำหนิว่าการที่เข้าไปโพสต์แบบนี้อาจทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงและเสียหายได้ ซึ่งหลังจากนั้นข้อความดังกล่าวของลูกสาวก็ถูกแอดมินลบและบล็อกจากกลุ่มทันที โดยปลัดอำเภอได้พูดไกลเกลี่ยต่างๆนานา แล้วบอกว่าเรื่องน้องข้าวฟ้าง เดี๋ยวค่อยคุยกัน และกลับไป หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเข้ามาติดต่อหรือโทรศัพท์ติดต่อในเรื่องของน้องข้าวฟ้างอีกเลย
จนมาถึงวันศุกร์ที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ในช่วงเช้าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเข้ามาที่บ้านของตน โดยมาเชิญตัวลูกชายที่ชื่อเดบ หรือนายสุภัคชัย ดุสิตากร อายุ 28 ปี ไปที่ สภ.ปง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ให้ไปคุยกันที่โรงพักก่อนต้นพร้อมด้วยลูกชายคนเล็กจึงเดินทางตามไป ต่อมาจึงทราบว่าลูกชายถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทำร้ายน้องข้าวฟ้าง ซึ่งโดนฟ้องคดีที่ 1.ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ และ2.กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยใช้อวัยวะอื่นที่ไม่ใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศของเด็กนั้น
นายแซด หรือ นายสุรเดช ดุสิตากร อายุ 22 ปี ลูกชายของนางสมพร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวของตนได้เลี้ยงน้องข้าวฟ่างมาตั้งแต่เกิด ทุกวันนี้ตนจะเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ไปส่งไปรับน้องบาสและน้องข้าวฟ้างอยู่เป็นประจำ ซึ่งในเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นตนรู้สึกสับสนเพราะมีหลายๆประเด็นที่มันไม่สอดคล้องกัน แต่พยายามถูกนำมาเชื่อมโยงกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่าพฤติกรรมของน้องข้าวฟ้างเป็นอย่างไร นายแซด ตอบว่าน้องข้าวฟ้าง มีนิสัยเหมือนผู้ใหญ่ฉลาดและดื้อมากๆ และมีพฤติกรรมชอบนำอวัยวะเพศไปถูกับเหล็กและสิ่งของต่างๆ บางครั้งก็นอนทับหมอนข้างหรือ ตุ๊กตาและก็โยกตัวขึ้นลง เลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งถ้าเกิดคนในบ้านเห็นก็จะต่อว่าและห้ามปรามตลอดและถ้าทำแบบนี้แม่สมพรก็จะตีสอน เพื่อไม่ให้ทำแบบนั้นอีก ซึ่งคนในบ้านทุกคนรวมถึงแม่ของตนรักน้องข้าวฟ้างมาก รวมถึงนายเดฟ พี่ชายของตนที่ถูกจับ ก็รักหลานทั้งสองคนมาก โดยจะซื้อขนมของใช้และของเล่นให้หลานทั้งสองคนเท่ากันแม้นว่าน้องข้าวฟ่างจะไม่ใช่หลานแท้ๆ แต่ด้วยความที่เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ทุกคนในบ้านจึงมีความรักและห่วงใยมาก
นายแซด กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่มีหลายคนบอกว่า น้องถูกเชือกรัดคอก็เคยเห็นแต่ไม่ได้สังเกต คิดว่าเป็นรอยของขี้ไคลเพราะน้องไม่ชอบอาบน้ำ คนในบ้านเลยตามใจและไม่อยากบังคับเพราะน้องมีพฤติกรรมที่เอาแต่ใจตัวเอง หากใครขัดใจก็จะร้องกรี๊ด ดึงผม หยิกแขน ยึดขาตัวเองเป็นชั่วโมงกว่าจะหยุด จนทำให้คนในบ้านไม่อยากขัดใจ
ส่วนในวันที่ 29 มกราคม ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่บ้านเพื่อจะมาจับตัวนายเดฟ ซึ่งเป็นพี่ชาย ในวันนั้นตนทำงานอยู่และแม่สมพรได้โทรมาตามว่า ตำรวจมาจับตัวพี่ชายไปตนจึงขอลางานเพื่อเดินทางกลับมาบ้าน ซึ่งในตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า ขอเชิญตัวไปที่โรงพักแต่พอไปถึงโรงพักจึงทราบว่าตำรวจได้จับกุมเข้าห้องขัง พร้อมแจ้งว่าพี่ชายโดนคดีทำร้ายร่างกายและอนาจารน้องข้าวฟ้าง ซึ่งตนและแม่พยายามขอดูหลักฐานต่างๆจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่ามีหลักฐานทุกอย่างจะให้ดูไม่ได้ ซึ่งทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยและพยายามทวงถามเรื่องนี้ตลอดมา
ขณะเดี๋ยวกัน ผู้สื่อข่าวได้ถามข้อมูลจากน้องบาส อายุ 9 ขวบ ลูกชายของลูกสาวคนโต ของนางสมพร โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามน้องบาสว่า ขณะที่ไปโรงเรียนมีเพื่อนคนไหนหรือใครแกล้งน้องข้าวฟ้างบ้างหรือไม่
น้องบาสตอบกับผู้สื่อข่าวว่า น้องข้าวฟ่างเคยบอกกับน้องบาส ว่าเพื่อนแกล้งหมดทั้งห้อง โดยมีเพื่อนที่ชื่อน้องฟ้าใส บีบคอ และเพื่อนที่ชื่อพู่กัน ตบหน้า ซึ่งน้องข้าวฟ่างบอกแค่นี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนอนุบาลปง เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปง ไปราชการที่ตัวจังหวัดพะเยา และไม่มีครูคนไหนที่สามารถจะให้ข่าวในเรื่องนี้ได้ บอกแต่เพียงว่าต้องรอให้ผู้อำนวยการเป็นคนให้ข่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์ติดต่อไปหานางทองพรรณ ปัญญาอุดมกูล ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปง ถึงความเป็นมาในเรื่องราวดังกล่าวซึ่งนางทองพันธุ์ ได้กล่าวว่าในเรื่องนี้ทางโรงเรียนขอนัดแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง โดยจะขอนัดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาแถลงข่าวด้วย โดยทางโรงเรียนและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ชี้แจงถึงสาเหตุต่างๆที่เกิดขึ้นอีกครั้งต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี