น.ต.ดร.วัฒนา มานนท์ คณบดีวิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน (CADT) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) หรือ DPU เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 และแนวโน้มทิศทางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินในอนาคตว่า ในปี2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้โดยสารที่ใช้การเดินทางทางอากาศในประเทศไทยมีจำนวนกว่า 160 ล้านคนต่อปี มีเที่ยวบินประมาณกว่า 1 ล้านเที่ยวบิน
แต่ภายหลังจากการระบาดดังกล่าว การขนส่งทางอากาศโดยเฉพาะการเดินทางระหว่างประเทศ ได้รับผลกระทบทางตรง เนื่องจากผู้โดยสารหายไปกว่าครึ่ง ส่งผลให้บุคลากรที่ทำงานในอุตสาหกรรมการบินเกือบ 3 ล้านคนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เช่น นักบิน แอร์โฮสเตส รวมถึงพนักงานที่ให้บริการในด้านต่างๆ อย่างไรก็ตาม องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) มองว่า เมื่อประชากรทั่วโลกได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะทำให้ความเชื่อมั่นในการเดินทางระหว่างประเทศกลับมา
ส่วนปัจจัยที่จะทำให้คนมั่นใจและกลับมาเดินทางด้วยสายการบินอีกครั้ง คือ มาตรฐานทางด้านสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งอาจดูได้จากจำนวนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดลง นอกจากนี้ สองหน่วยงานข้างต้นยังได้หาแนวทางสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสาร ด้วยแนวคิดการทำหนังสือเดินทางโควิด (COVID Passport) หรือโควิดพาสปอร์ต เพื่อใช้แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองควบคู่กับหนังสือเดินทางหลัก
“ภายในพาสปอร์ตดังกล่าวนั้นจะมีบันทึกการตรวจสุขภาพของผู้โดยสาร และคาดว่าแนวคิดดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2564 ที่สำคัญสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างเอาจริงเอาจังจากทุกประเทศทั่วโลก ในส่วนของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกมาตอกย้ำว่า หากไทยเริ่มมีการใช้วัคซีนโควิดในปี 2564 จะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมการบิน และหากคนทั่วโลกได้รับวัคซีนอย่างแพร่หลายแล้วในปี 2565 การเดินทางด้วยสายการบินจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง” น.ต.ดร.วัฒนา กล่าว
น.ต.ดร.วัฒนา กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยนั้นได้เปรียบในเรื่องการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดี โดยการจัดลำดับจากสถาบันโลวี (Lowy Institute) ประเทศออสเตรเลีย จัดลำดับให้ไทยเป็นอันดับที่ 4 จากทั้งหมด 98 ประเทศ จึงเชื่อว่าหลังจากประเทศต่างๆ อนุญาตให้มีการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องอยากมาประเทศไทย เพราะมีศักยภาพหลายเรื่อง ทั้งความพร้อมของบุคลากรทางด้านการแพทย์ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ผู้คนเป็นมิตร มีวัฒนธรรมที่โดดเด่น เป็นต้น
ซึ่งในส่วนของ CADT DPU ได้เตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยนำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการขนส่งทางอากาศในอนาคตมาปรับหลักสูตร รวมถึงสร้างองค์ความรู้ผ่านการอบรม ให้นักศึกษาสามารถปรับตัวเท่าทันการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เนื่องจาก IATA มองว่า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รูปแบบการขนส่งทางอากาศและการให้บริการบนเครื่องบินจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการและผู้ให้บริการ
“สำหรับสาขาการเรียนของ CADT มี 2 สาขาได้แก่ สาขาธุรกิจการบิน ซึ่งนักศึกษาส่วนใหญ่ที่มาเรียนอยากจะเป็นเจ้าหน้าที่ให้บริการในท่าอากาศยาน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน รวมถึงพนักงานบริการภาคพื้นซึ่งจะเน้นการให้บริการเป็นหลัก ส่วนสาขาการจัดการเทคโนโลยีการบิน เป็นสาขาที่นักศึกษาตั้งใจมาเรียน เพื่อทำอาชีพพนักงานอำนวยการบิน ซึ่งเป็นอาชีพที่มี License สามารถไปทำงานที่ต่างประเทศได้ หรือจะไปศึกษาต่อยอดประกอบอาชีพเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศหรือนักบินได้เช่นเดียวกัน” น.ต.ดร.วัฒนา ระบุ
คณบดี CADT DPU ยังกล่าวอีกว่า หลักสูตรของ CADT สอดรับกับนโยบายของมหาวิทยาลัยที่เน้นปลูกฝังทักษะความเป็นผู้ประกอบการให้นักศึกษาสามารถปรับตัวให้อยู่ได้ทุกการเปลี่ยนแปลง พร้อมนี้ยังผนวกไปด้วยการใช้หลักการของ Competencis มาประยุกต์ใช้ในการเรียนที่ใช้ได้ผลในธุรกิจสายการบินมากว่า 20 ปี ประกอบด้วย 1.Knowledge (K)
องค์ความรู้ที่ได้จากภาคทฤษฎี
2.Skill (S) ทักษะที่เกิดจากการฝึกปฏิบัติและประสบการณ์ และ 3.Attitude (A) ทัศนคติที่ดีในการทำงาน โดยจากการติดตามนักศึกษาที่จบไปรุ่นแรกในปีการศึกษา 2563 พบว่า ส่วนใหญ่ไปทำธุรกิจส่วนตัวและมีบางส่วนทำงานอยู่ในท่าอากาศยาน ซึ่งถือว่านักศึกษาปรับตัวได้ดีต่อสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ทั้งนี้ นักศึกษาหลายคนยังรอโอกาสในการทำงานกับสายการบิน เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
อนึ่ง นอกจากหลักสูตรปริญญาตรีแล้ว มธบ.ยังมีสถาบันการบิน (DPU Aviation Academy) หรือ DAA ซึ่งเป็นศูนย์อบรมทางด้านการบินแบบครบวงจรสำหรับนักศึกษา บุคคลทั่วไป ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้จัดหลักสูตรอบรมออนไลน์ให้กับบุคลากรการบินที่รองาน เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เกี่ยวกับสายธุรกิจการบิน ด้วยความมุ่งหมายให้ CADT DPU เป็นศูนย์รวมทุกอย่างด้านธุรกิจการบิน หรือ One Stop เพราะมีความพร้อมด้านการบินด้วยอุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย ฝึกปฏิบัติจริงด้วยเครื่องบินจริง
เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรที่มาจากสายงานการบิน นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรนักบินส่วนบุคคล (PPL) มีเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง (Flight Simulator) ที่ทันสมัยและเหมือนขับเครื่องบินจริง อีกทั้ง CADT ได้รับการรับรองจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ(องค์การมหาชน) หรือ สคช. ให้จัดทดสอบนักศึกษาเพื่อรับประกาศนียบัตรรับรองว่าเป็นผู้มีความรู้วิชาชีพด้านสาขาการต้อนรับบนเครื่องบิน
CADT ยังเป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านการบินที่ได้รับการรับรองจาก IATA โดยเริ่มจัดอบรมตั้งแต่ปี 2559 ใน 4 หลักสูตร คือ 1.หลักสูตรพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 2.หลักสูตรการปฏิบัติงานในท่าอากาศยาน 3.หลักสูตรด้านนิรภัยการบิน และ 4.หลักสูตรการสร้างความตระหนักในการรักษาความปลอดภัยด้านการบิน ทั้งนี้ ทางวิทยาลัยได้เตรียมหลักสูตรอบรมเพื่อ
สอบใบประกอบวิชาชีพด้านการบินที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่เรียนจบจาก CADT DPU ในโครงการ CADT ++ (CADT พลัส พลัส)
เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาเป็นบุคลากรที่มีความพร้อมสู่สายงานด้านการบิน ประกอบด้วย +Plus ที่ 1 :
โครงการสอบคุณวุฒิวิชาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ชั้น 4 ของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) (TPQI) และ +Plus ที่ 2 : ใบประกาศนียบัตรจาก IATA Training และในปี 2564 ยังมีโครงการให้ทุนสร้างฝันเด็กการบิน ช่วยส่งเสริมให้เด็กได้รับการศึกษาในภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง โดยทุนมีมูลค่ารวมกว่า 65,000 ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ https://cadt.dpu.ac.th/
“เวลานี้นักเรียนและผู้ปกครองอาจขาดความเชื่อมั่นในการตัดสินใจเรียนด้านการบิน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออาชีพทางด้านนี้ แต่เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ผมเชื่อว่าการเดินทางทางอากาศจะกลับมาเป็นที่นิยมเหมือนเดิมเนื่องจากในห่วงโซ่ธุรกิจ ต้องมีการติดต่อการค้าระหว่างประเทศ มีการท่องเที่ยวรวมถึงการทูตต่างๆ ที่สำคัญสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ทั่วโลกเตรียมตัวตั้งรับได้ดีขึ้น ยิ่งเมื่อมีการฉีดวัคซีนป้องกันเกิดขึ้น โควิด-19 ก็จะกลายเป็นตำนานเหมือนโรคติดต่ออื่นๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต” น.ต.ดร.วัฒนา กล่าวในท้ายที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี