ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป เป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูกาลผลไม้ในภาคตะวันออกให้ผลผลิต โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็น champion product สำคัญของภาคตะวันออก ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุว่า ในปีนี้ ทุเรียนมีการออกดอกมากขึ้น และขณะนี้ออกดอกครบ 100% แล้ว มีแนวโน้มการให้ผลผลิตสูงขึ้น เนื่องจากพื้นที่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาและได้มีการคาดการณ์ว่าจะมีทุเรียนให้ผลผลิตรวมทั้งสิ้น 633,476 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.17 จากปีที่แล้วซึ่งมีผลผลิต 550,035 ตัน ทั้งนี้ ทุเรียนถือว่าเป็นผลไม้ส่งออกที่สำคัญ มีประเทศจีนเป็นตลาดนำเข้าทุเรียนผลสดที่ใหญ่สุดของไทย ซึ่งจากรายงานของฝ่ายเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว พบว่าในปี 2563 จีนนำเข้าทุเรียนผลสดจากไทยปริมาณทั้งสิ้น 575,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าถึง 69,000 ล้านบาท ส่งผลให้ทุเรียนครองแชมป์ผลไม้นำเข้าอันดับ 1 ของจีนแซงหน้าการนำเข้าเชอรี่ผลสดทั้งปริมาณและมูลค่า ถึงแม้ว่าปริมาณการนำเข้าจะลดลงไป 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2562 แต่มูลค่ากลับเพิ่มมากขึ้นถึง 44 เปอร์เซ็นต์ โดยทุเรียนมีสัดส่วนมูลค่าการนำเข้าสูงถึง 23% เมื่อเทียบกับมูลค่าการนำเข้าผลไม้หลักทั้งหมดจากต่างประเทศของจีน
อย่างไรก็ตาม แม้ทุเรียนไทยจะเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีนก็ตาม แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำชับให้กรมวิชาการเกษตรติดตามผลการดำเนินงานการส่งออกในฤดูกาลผลิต 2564 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากที่ผ่านมาเคยมีการนำเสนอข่าวว่าประเทศจีนระงับการนำเข้าทุเรียนจากประเทศไทยสาเหตุจากตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งทุเรียน ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ประสานงานกับอัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงปักกิ่งและได้รับหนังสือตอบยืนยันกลับมาว่ารัฐบาลจีนไม่เคยระงับการนำเข้าทุเรียนจากไทยเนื่องจากตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่อย่างใด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ย้ำว่า ที่ผ่านมา แม้จีนจะยังไม่เคยตรวจพบปัญหาการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสินค้าเกษตรจากไทย แต่กรมวิชาการเกษตรก็ได้จัดทำแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับโรงคัดบรรจุผลไม้ เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุผลไม้ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ โดยยึดตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่จีนยอมรับและแนะนำให้ประเทศคู่ค้าปฏิบัติด้วยเช่นกัน เพื่อควบคุมสุขอนามัยของพนักงานและสิ่งแวดล้อมในสถานที่ผลิต โดยกรมวิชาการเกษตรได้จัดทำเอกสารการดำเนินการดังกล่าวทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาจีนส่งให้สำนักงานศุลกากรของจีนทราบแล้ว พร้อมกับยืนยันว่าไทยได้ให้ความสำคัญกับการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในผลไม้ส่งออกตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยดำเนินการตามแนวทางของ WHO และ FAO เพื่อตอกย้ำให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยของผลไม้ไทยในปี 2564 อีกทั้ง กรมวิชาการเกษตร ไม่เพียงแต่จะเข้มงวดการตรวจศัตรูพืชในผลผลิตเท่านั้น แต่ยังเน้นการตรวจทุเรียนด้อยคุณภาพหรือทุเรียนอ่อน โดย สวพ.6 จะรับภารกิจหลักตรวจทุเรียนอ่อนและกำกับดูแลการใช้ใบรับรอง GAP ของผู้ส่งออก เพื่อผลักดันการส่งออกผลไม้ของภาคตะวันออกที่มีคุณภาพได้ตามมาตรฐาน GAP และ GMP อีกด้วย
ข่าวนี้เป็นสิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้เกษตรกรได้ว่ายังสามารถส่งออกทุเรียนไปยังจีนได้ตามปกติ และอย่าไปตื่นตระหนกจากข่าวลือเพื่อหวังทุบราคาทุเรียนจากบรรดาล้งต่างๆ ขอเพียงเกษตรกรปฏิบัติตามคำแนะนำในการสร้างมาตรฐานการผลิต และมีความซื่อสัตย์ไม่ตัดทุเรียนอ่อนขายก็พอ รับรองว่า ปีนี้ยังเป็นปีทองของชาวสวนทุเรียน และยังสามารถรักษาตลาดทุเรียนไทยในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดนำเข้าทุเรียนที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของไทยได้อย่างแน่นอน
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี