ผมมาแล้วปัญหาต้องจบ! ‘ธรรมนัส’ ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช ฟังปัญหาก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ สั่งตั้งกรรมการแก้ปัญหาร่วมชาวบ้าน ให้กรมป่าไม้คืนที่ ส.ป.ก.จัดสรรประชาชนที่เดือดร้อนใช้ประโยชน์
4 มีนาคม 2564 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมช.เกษตรและสหกรณ์) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.นครศรีธรรมราช พร้อมรับฟังปัญหาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบในการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ฯ เป็นโครงการที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จทอดพระเนตรบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำคลองสังข์ และทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทาน พิจารณาวางแผนโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำ และอ่างเก็บน้ำในลุ่มน้ำคลองสังข์ เพื่อจัดหาแหล่งน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ อ.ทุ่งใหญ่ ให้มีน้ำไว้ใช้สำหรับอุปโภคบริโภค ทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ และบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำได้อีกทางหนึ่งด้วย โดยเฉพาะเทศบาล ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ ซึ่งเกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี
ทั้งนี้ ยังมีประชาชนไม่ประสงค์ให้สร้างอ่างเก็บน้ำ 30 ราย เนื้อที่คิดเป็น 3.32% ของพื้นที่ที่ใช้ในการก่อสร้าง จึงได้มีการประชุมหารือร่วมกับชาวบ้าน และทาง คทช.นครศรีธรรมราช มีมติเห็นชอบกําหนด พื้นที่เป้าหมายจัดที่ดินทํากินให้ชุมชน ตามนโยบายในท้องที่ จ.นครศรีธรรมราช ปีงบประมาณ 2561 เพิ่มเติม จํานวนเนื้อที่ 4,600 กว่าไร่ ซึ่งพื้นที่แปลงนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองกรุงหยัน ท้องที่ ต.กุแหระ อ.ทุ่งใหญ่ เสนอกรมป่าไม้พิจารณาอนุญาต โดยส่วนใหญ่แล้วประชาชนยินยอมให้สร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ แต่ยังคงมีบางส่วนยังกังวลในความปลอดภัยในการสร้าง พร้อมทั้งควรมีแผนพัฒนาโครงการที่จะสร้างรายได้ให้กับพื้นที่ และต้องมีความชัดเจนของค่าชดเชยที่เหมาะสม
ภายหลังการหารือร่วมกัน ร.อ.ธรรมนัส ได้พบปะกับประชาชนในพื้นที่ โดยกล่าวว่า ผลกระทบของพี่น้องประชาชนที่ได้รับจากการสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้แก้ไขปัญหาอย่างเป็นธรรม สรุปแนวทางการแก้ปัญหาครั้งนี้ ตนได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยตนจะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวในวันที่ 8 มีนาคม นี้ ซึ่งคณะกรรมการประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงตัวแทนประขาชนที่ได้รับเดือดร้อน
ทั้งนี้ พื้นที่นี้มีการประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินไว้แล้ว 4,000 กว่าไร่ ที่การยางแห่งประเทศไทยเช่ากรมป่าไม้ปลูกยางพารา ซึ่งกรมป่าไม้ยังไม่ได้ส่งคืน ส.ป.ก.ตนจะให้เลขาธิการ ส.ป.ก.ไปเจรจากับอธิบดีกรมป่าไม้ ในการส่งมอบพื้นที่คืนให้ ส.ป.กจัดปฏิรูปให้ประชาชนได้เข้าทำประโยชน์ทำกินเป็นของตัวเอง หากยังเป็นพื้นที่กรมป่าไม้ต่อไปประชาชนต่อยอดไม่ได้ และจะเข้าหาสถาบันการเงินแหล่งทุนยาก ที่สำคัญกรมป่าไม้ไม่มีงบประมาณสร้างสาธารณูปโภคด้านพื้นฐาน ถนน น้ำ ไฟ ขณะที่ ส.ป.ก.ดำเนินการได้ แนวทางนี้จะเป็นการแก้ปัญหาตรงจุดยั่งยืน ซึ่งตนได้สั่งให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จในกรอบระยะเวลาไม่ควรเกิน 5 เดือนต้องจบ
“ผมมาแล้วปัญหาต้องจบ เมื่อมีการส่งมอบที่ดินให้กับ ส.ป.ก.แล้ว สิ่งที่จะตามมา น้ำต้องไหล ไฟต้องสว่าง ถนนต้องดี นี่คือส.ป.ก.4-01 ยุคธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี