การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์ขยายและชั้นพันธุ์จำหน่ายนั้น กรมการข้าวมีศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆรวม 28 ศูนย์ ทำหน้าที่ในการผลิต ซึ่งผมขอเรียนเป็นเบื้องต้นให้พวกเราเกิดความภาคภูมิใจว่า จากการที่เดินทางไปปฏิบัติงานแอปเตอร์ในประเทศอาเซียนทั้งหมดแล้ว สำหรับประเทศที่ปลูกข้าว ไม่มีประเทศไหนที่มีระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มันสมัยและดีไปกว่าของประเทศไทยครับ จากจำนวนศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวที่กล่าว ศักยภาพในการผลิตเมล็ดพันธุ์แต่ละปีทำได้เพียง 90,000 ตัน ซึ่งหากจะเทียบกับปริมาณความต้องการมีเมล็ดพันธุ์ปลูกทั้งประเทศ (หมายถึงถ้าต้องใช้เมล็ดพันธุ์ใหม่ทั้งหมด โดยไม่ใช้เมล็ดพันธุ์เก็บไว้เองเลย) จะเห็นว่า ผลิตได้น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์แต่ในความเป็นจริง ถ้าจะเทียบกับปริมาณที่ใช้จริงจากการวิจัย ที่มีปริมาณการใช้ปีละ3 แสนตัน ก็จะเห็นว่ายังมีส่วนขาดอีกประมาณ 2 แสนตัน ซึ่งจำนวนนี้แหละ ที่ต้องการให้ภาคส่วนอื่นเข้ามาช่วยผลิตด้วย กรมการข้าวในฐานะผู้รับผิดชอบ จึงต้องจัดทำยุทธศาสตร์การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยพยายามที่จะหาแนวร่วมในการผลิตเมล็ดพันธุ์ให้พอเพียงในเบื้องต้นในระยะแรก ต่อปริมาณการใช้ปลูกจริง 3 แสนตันก่อน ส่วนในอนาคตหากเป็นยุคที่ชาวนาต้องการเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุกปี ก็ค่อยปรับยุทธวิธีในการรับมืออีกที
เอาเฉพาะ 3 แสนตันก่อน แน่นอนละว่าเป้าหมายแรก คือ ภาคเอกชน ที่ทางราชการต้องการส่งเสริมให้เข้ามามีส่วนร่วมทำธุรกิจด้านนี้ ปัจจุบันมีเอกชนอยู่หลายรายที่ทำการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อจำหน่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตภาคกลาง เช่น นครสวรรค์ ชัยนาท สุพรรณบุรี นนทบุรี ภาคเอกชนเหล่านี้ได้ตั้งเป็นชมรมและสมาคมผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว เป้าหมายที่สองคือ สหกรณ์การเกษตรของชาวนาเองนั่นแหละ เพราะจริงๆ แล้วจะว่าไป การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวขายได้ราคาดีกว่าผลิตข้าวเปลือกขาย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความพิถีพิถัน ละเอียดลออเหน็ดเหนื่อยมากขึ้น ปัจจุบันก็มีสหกรณ์การเกษตรได้รับการสนับสนุนให้มีเครื่องไม้เครื่องมือทำหน้าที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวอยู่มากแห่งเช่นกัน ส่วนเป้าหมายสุดท้าย คือชาวนาที่กรมการข้าวร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตรส่งเสริมจัดตั้งเป็นกลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว เรียกว่าศูนย์ข้าวชุมชน ซึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้นทั่วประเทศ ทั้งนี้ ทั้ง 3 ภาคส่วนนี้ โดยมีกรมการข้าวเป็นผู้ประสานงานและอำนวยความสะดวก รวมทั้งส่งเสริมทางด้านวิชาการ ตรวจสอบรับรองมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ผลิตได้มีความเป็นมาตรฐานสอดคล้องกับกฎหมายพันธุ์พืช
ยุทธศาสตร์การผลิตเมล็ดพันธุ์นี้ จากที่ดำเนินการมา ในส่วนของเอกชนก็ค่อนข้างจะลำบากพอสมควร บางปีก็ดี บางปีก็ไม่ดี ไม่ได้บุ่มบ่ามทำกำไรจากธุรกิจมากเท่าที่ควร ส่วนของสหกรณ์ก็ค่อนข้างจะไปได้ดีพอสมควร เนื่องจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ประกอบกับมีสมาชิกชาวนาเป็นลูกค้าอยู่แล้ว ธุรกิจจึงพอประคองไปได้ แต่ที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง คือ ศูนย์ข้าวชุมชน เพราะเป็นองค์กรตั้งขึ้นแบบหลวมๆ แรกๆ ภาครัฐก็สนับสนุนดี แต่ระยะหลังความที่อยากให้ศูนย์ข้าวชุมชนพึ่งตัวเองได้ จึงลดการสนับสนุนลง ผลก็คือการบรรลุเป้าหมายยังต้องรออีกนานครับ
ความยากลำบากของการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวสนองความต้องการของชาวนา ไม่ใช่แค่เพียงผลิตเมล็ดพันธุ์ให้พอ 3 แสนตันเท่านั้น หากแต่ยังต้องวางแผนล่วงหน้ากะเก็งถึงชนิดพันธุ์ที่ต้องผลิตด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะคาดเดาความต้องการในอนาคตอย่างถูกต้อง ปัญหาที่เกิดคือ บางทีชาวนาอยากได้พันธุ์ข้าวที่ไม่มี ส่วนที่มีชาวนากลับไม่อยากได้ มันจึงเป็นปัญหาว่าบางครั้งมีเมล็ดพันธุ์ขาดแคลนหรือไม่พอ หลายต่อหลายครั้งที่ภาคเอกชนต้องขายเมล็ดพันธุ์ทิ้ง เพราะขายไม่ออกขณะที่ของทางราชการก็เช่นกันต้องประมูลจำหน่ายเป็นข้าวเปลือกธรรมดาไป เหตุสำคัญอย่างที่อธิบายเรื่องชั้นของเมล็ดพันธุ์ไปแล้ว การวางแผนผลิตเมล็ดพันธุ์จากพันธุ์หลักเป็นพันธุ์ขยาย และจากพันธุ์ขยายเป็นพันธุ์จำหน่าย ต้องวางล่วงหน้าถึง 3 ปี ดังนั้นเมื่อถึงเวลาปลูกจริงๆ ข้าวพันธุ์ที่กะเก็งผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ล่วงหน้าชาวนาไม่ต้องการ ก็ต้องเหลือบานเบะ เพราะขายไม่ออก นี่แหละครับปัญหาเรื่องเมล็ดพันธุ์ข้าวที่อยากให้ทุกคนได้รับทราบครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี