‘ทุ่งยางแดง’เดือด! จนท.ปะทะ3โจรใต้ เหิมยิงสู้เจอยิงสวน-วิสามัญ1ศพ

20 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.วันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ร.ต.อ.อาทิป ณรงค์ฤทธิ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงปะทะขณะเจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจบริเวณหมู่ 5 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง ทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย ภายหลังได้รับแจ้งจึงรีบสนธิกำลังไปที่เกิดเหตุ พร้อมรายงานให้ พล.ต.ท. รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 , พล.ต.ต.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี รอง ผบช.ภ.9 , พล.ต.คมกฤช รัตนฉายา ผบ.ฉก.ปัตตานี , พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ พ.ต.อ.จิรวัฒน์ ดูดิงผกก.สภ.ทุ่งยางแดง และเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นจุดตรวจชั่วคราว และพบเจ้าหน้าที่ทหารพราน 4416 จำนวน 7 นาย กำลังควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางดังกล่าวเป็นการชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ และรวบรวมวัตถุพยาน จากการตรวจสอบพบคนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิต 1 ราย อยู่บริเวณป่า สวนยาง ห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร ทราบชื่อ คือ นายสมันดี สนิ อายุ 36 ปี อยู่หมู่ 4 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่จากการปะทะเข้าบริเวณคิ้วขวา 1 นัด และลำตัวอีกหลายนัด นอกจากนี้ยังพบอาวุธ ขนาด 9 มม. ตกอยู่ข้างมือขวาและเป้สนาม 1 ใบ ภายในบรรจุเสื้อผ้า เปลนอน และอุปกรณ์สนาม นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนของคนร้ายกว่า 10 ปลอก  เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ขณะที่ ส.ท.มนตรี แก้วทิ หัวหน้าชุด นำกำลังร่วม 7 นาย เดินลาดตระเวนเส้นทางเพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่รับผิดชอบ ปรากฏว่าได้รับแจ้งจากหน่วยความมั่นคงว่าพื้นที่ จ.ยะลา มีการปล้นรถกระบะและอาจจะหลบหนีตามเส้นทางดังกล่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่รอยต่อกับ จ.ยะลา เจ้าหน้าที่จึงได้มีการตั้งจุดตรวจชั่วคราว เพื่อสกัดรถต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังตามจุด

กระทั่งมีคนร้าย 3  ราย มากับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ตอนครึ่ง สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียนขับมา และเห็นจุดตรวจ คนร้ายจึงพยายามที่จะเลี้ยวรถกลับ อส.ทพ.โชค ซึ่งอยู่บริเวณดังกล่าวได้เรียกให้หยุด ปรากฏว่าคนร้ายที่อยู่ท้ายกระบะ 1 คน และคนร้ายที่นั่งใกล้คนขับ ทั้งสองได้ลงจากรถ และหนึ่งในคนร้าย ได้ชักอาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่ อส.ทพ.โชค และพยายามวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า อส.ทพ.โชค จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้คนร้าย ระหว่างนั้น อส.ทพ.ยงยุทธ ซึ่งอยู่ใกล้ ได้วิ่งมาช่วยก่อนจะมีการยิงปะทะกันขึ้นเสียงดังสนั่น เป็นเหตุให้ นายสมันดี สนิ ถูกวิสามัญเสียชีวิต

ส่วนคนร้ายที่เหลือคาดว่าน่าจะเป็น นายมาหามะ สะอิ  ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า และคนร้ายอีกคนที่เป็นคนขับ ได้ขับรถหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังไล่ล่าและเข้าทำการปิดล้อมพื้นที่ในรัศมี 500 เมตร

สำหรับ นายสมันดี สนิ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเป็นแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบระดับปฏิบัติการ มีหมายจับคดีความมั่นคง 5 หมาย ประกอบด้วย 1.ก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ อ.ทุ่งยางแดง เมื่อปี 51 2.ก่อเหตุร่วมปล้นเงินธนาคารกสิกร อ.มายอ เมื่อปี 56 3.ก่อเหตุยิงชาวบ้านหาของป่า อ.ทุ่งยาแดง ปี 57 4.ก่อเหตุลอบยิงชาวบ้านเสียชีวิต เมื่อปี 60 5.เหตุปะทะ ที่ ต.มะยังหยง อ.ทุ่งยางแดง ปี 62

ด้าน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ​ ผบช.ภ.9​ กล่าวภายหลังลงตรวจพื้นที่ ว่า ตรวจสอบขั้นต้นทราบว่าคนร้ายมากับรถกระบะ 3 คน โดย 2 คนลงมาใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ และมีการตอบโต้​ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปในป่าหลังบ้านชาวบ้าน และยังมีการยิงตอบโต้กันจนคนร้ายเสียชีวิตหนึ่งราย​ คือนายสมันดี​ สะนิ​ ตรวจสอบพบเป้สนามและอาวุธปืน​ ส่วนการปล้นรถพื้นที่ยะลา​ ตรวจสอบขั้นต้นพบว่าอาจเป็นกรณีทวงหนี้ โดยหลังจากมีการวิสามัญคนร้ายทุกครั้ง คนร้ายมีความพยายามที่จะตอบโต้ ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มดูแลความปลอดภัยทุกพื้นที่และให้แจ้งกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอให้มีการป้องกันตนเอง

สำหรับเหตุปล้นรถกระบะในพื้นที่ จ.ยะลา นั้น เกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.07 น.วันที่ 19 มีนาคม 2564 โดย ร.ต.ต.มนตรี จันทร์เมือง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ภ.จว.ยะลา ว่ามีเหตุปล้นทรัพย์ บริเวณบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 9 บ้านบุดี ต.สะเตงนอก จ.ยะลา ทรัพย์ที่ได้ไป เป็นรถยนต์กระบะ โตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน บฉ3793 ยะลา โดยคนร้าย 7-8 คน มากับรถยนต์ฟอร์ด สีน้ำตาล บุกเข้ามาในบ้านปิดบังใบหน้า บังคับคนในบ้านเอารถยนต์กระบะ แล้วหลบหนีไปทาง อ.รามัน จ.ยะลา 

หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ เปิดกล้องวงจรปิดดู พบว่า คนร้ายใช้รถยนต์ฟอร์ด ขับนำหน้ารถกระบะ หลบหนี เจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านพร้อมออกสกัดคนร้ายตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โดยคาดว่าคนร้ายอาจนำรถกระบะไปประกอบเป็นระเบิดคาร์บอมบ์ เพื่อก่อเหตุความรุนแรง ก่อนจะมาเกิดเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่หมู่ 5 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง ทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 รายดังกล่าว