การช่วยเหลือด้านข้าวของแอปเตอร์ยังคงดำเนินต่อไป ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ เพราะโปรแกรมการดำเนินงานที่ค้างอยู่จากปีที่แล้ว คือปี 2020 ยังคงต่อเนื่องมาถึงวันนี้ ตอนนี้เรายังมีข้าวส่งไปเก็บรักษาอยู่ใน 3 ประเทศด้วยกัน คือ กัมพูชา เมียนมา และฟิลิปปินส์ แถมยังมีข้าวแบบใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรก คือ ข้าวกึ่งสำเร็จรูป ที่ผมเคยเล่าไปบ้างแล้วจากการที่ผู้แทนประเทศญี่ปุ่นได้ริเริ่มและนำตัวอย่างมาให้ทุกคนทดลองชิมในคราวประชุมคณะมนตรีแอปเตอร์ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อ 2 ปีก่อน จนกระทั่งในปีนี้ได้นำออกมาดำเนินการจริง โดยประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตและบริจาค ชุดแรกที่นำออกมาทดลองใช้ได้ส่งไปที่ประเทศฟิลิปปินส์ จำนวน 20,000 ชุด และที่ประเทศเมียนมา จำนวน 20,000 ชุด เท่ากัน คิดว่า เมื่อนำไปแจกจ่ายประชาชนที่ประสบภัยน่าจะได้รับความสะดวกในการบริโภคมากกว่าการแจกเป็นข้าวสาร เนื่องจากข้าวกึ่งสำเร็จรูปนี้สามารถเอาน้ำร้อนเทใส่ ทิ้งไว้สักพักก็บริโภคได้เลย แถมยังมีกลิ่นรสชาติปรุงเสร็จแล้ว กินได้แม้ไม่มีกับข้าว แต่นี่เป็นตัวอย่างที่ผู้แทนญี่ปุ่นมาลองให้ชิมในที่ประชุมนะครับ ส่วนที่ส่งไปจริงๆ ทั้งสองประเทศ ไม่แน่ใจว่าจะเหมือนกันหรือเปล่า เพราะผมยังไม่เคยเห็นเช่นกัน ทั้งนี้ เนื่องจากเขาส่งตรงจากต้นทางประเทศญี่ปุ่น ทางเรือเดินสมุทรยังประเทศปลายทางเลย ออฟฟิศที่ผมทำงานอยู่กรุงเทพฯ เพียงแต่เห็นเอกสารเท่านั้น ของจริงไม่มีวันได้เห็นนอกจากจะมีโอกาสเดินทางไปร่วมมอบข้าว ในช่วงที่ประเทศผู้รับจัดงาน แต่ทว่าในตอนนี้ ไม่มีโอกาสนั้นเพราะโควิด-19 นั่นแหละครับ
เมื่อพูดถึงเรื่องการขนส่งข้าว หรือที่เรียกกันว่า ชิปปิ้ง เดิมทีเดียวผมต้องยอมรับว่า ไม่เคยมีความรู้ทางด้านนี้เลย ที่เคยมีเรียนมาหรือฟังจากการพูดคุยมาบ้างน่าจะรู้พอๆ กับท่านผู้อ่านที่รู้จักอยู่คำสองคำ คือ เอฟโอบี กับ ซีไอเอฟ เท่านั้นแหละครับ แต่เมื่อมาทำงานที่แอปเตอร์ ได้ฟังคำอธิบายจากน้องๆ รวมทั้งคุยกับผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่น ก็ทำให้ทราบอะไรมากขึ้นอีก แต่ก็คงไม่ชำนาญ เพราะเราทราบแต่ทางทฤษฎี เนื่องจากไม่เคยได้ไปปฏิบัติตรงเลยสักครั้ง กระนั้นก็ฟังว่ายุ่งยากพอสมควร เพราะมันไปเกี่ยวข้องกับเรื่องกฎหมายภาษีและระเบียบพิธีทางศุลกากร เอาแค่เพียงได้ฟังรายงานจากการขนข้าวผ่านศุลกากรตอนส่งถึงประเทศปลายทางก็มึนหัวแล้ว เป็นเรื่องไม่ง่ายเลย เดี๋ยวติดโน่นติดนี่ ทั้งๆ ที่ข้าวสารที่ส่งไปนี้ก็เป็นของฟรีส่งไปช่วยเหลือเชิงมนุษยธรรมแก่ประชาชนประเทศเขาแท้ๆ ยังเรื่องมากอีก ใบเอกสารต่างๆ ต้องมีเตรียมเป็นกระตั๊ก มากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่ประเทศ เดี๋ยวเสียค่าโน่นค่านี่ จนผู้ประกอบการขนส่ง งงงวยแต่ก็ต้องควักจ่ายไป เพราะต้องการขนถ่ายลงจากเรือให้เร็วที่สุด
ฝ่ายเราแอปเตอร์ก็ต้องไปทบทวนย้ำเตือนตลอดว่า ตามสัญญาที่ทำไว้ใครจะรับผิดชอบส่วนใด บางครั้งก็ต้องมีการไปเคลมคืนกันภายหลังอยู่บ่อยๆ เรื่องนี้จึงเป็นที่มาของการขายสินค้าเกษตรของประเทศไทยไปต่างประเทศที่มักนิยมขายแบบ เอฟโอบี คือ หมายถึงคิดราคาขาย ณ เวลานำสินค้าลงเรือที่ท่าเรือ กล่าวคือ เมื่อขนสินค้าลงเรือแล้วก็ส่งมอบกรรมสิทธิ์สินค้าทั้งหมดให้กับผู้ซื้อเลย ฉะนั้น ภายหลังจากนั้นหากเกิดมีค่าใช้จ่ายอะไรขึ้น หรือเกิดความเสียหายอย่างใดๆ กับสินค้า ผู้ขายไม่เกี่ยวข้องด้วย ความรับผิดชอบทั้งหมดตกไปเป็นของผู้รับซื้อไป ราคา เอฟโอบีนี้จึงอาจถูกกว่าราคาแบบ ซีไอเอฟ ที่ต้องบวกเพิ่ม เช่น ค่าระวาง ค่าประกันภัยซึ่งกลายเป็นความรับผิดชอบที่มากขึ้น นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีระบบการซื้อขายและส่งสินค้าที่มากกว่านี้อีก มีชื่อเรียกใหม่ๆ มากขึ้น จนจำไม่หวาดไหว ถึงว่าสิ ในการทำเรื่องนี้ จึงได้มีบริษัททำหน้าที่ชิปปิ้งโดยเฉพาะ เหมือนกับการต้องมีทนายความรับทำการว่าความอย่างไงอย่างนั้น
ความสะดวกสบายในการส่งสินค้าผ่านแดน ก็แล้วแต่ประเทศอีก ถ้ากระทรวงเกษตรฯ ผู้ขอรับข้าวบริจาคแอปเตอร์รู้จักมักจี่กับทางศุลกากรดี สังเกตว่าประเทศนั้นก็สามารถนำเข้าข้าวไปได้ง่าย แต่หากบางประเทศไม่คุ้นเคยรู้จักกัน การผ่านก็ค่อนข้างล่าช้ายุ่งยากมากขึ้น และก็เดือดร้อนมาทางฝ่ายสำนักเลขานุการแอปเตอร์ทุกครั้งไป ที่ต้องคอยเคลียร์ส่วนใหญ่เป็นการขอร้องบริษัทเรือขนส่ง เพราะค่อนข้างพูดง่าย เนื่องจากเราต้องจ่ายเงินค่าจ้าง ไม่งั้นก็คงจะยุ่งยากลำบากมากทีเดียว
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี