‘ซิโนแวค’ถึงไทยอีก1ล้านโดส
ป่วยเพิ่ม789คนดับ1
‘บิ๊กตู่’ปลุกประชาชนสู้อีกยก
ย้ำงดเดินทางหากไม่จำเป็น
เร่งผุดรพ.สนามหลายจังหวัด
ผู้ว่าฯอัศวินจัดให้1,200เตียง
อึ้งร.ท.หญิงติดเชื้อทองหล่อ
นายกรัฐมนตรีให้คำมั่น ทำงานทุกวันเพื่อดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ขอให้ร่วมต่อสู้ไวรัสโควิด-19 ด้วยกันอีกครั้ง วอนงดเดินทางหากไม่จำเป็น พร้อมสั่งเตรียมโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ผู้ว่าฯกทม.จัดให้ทันที 1,200 เตียง ขณะที่วัคซีนซิโนแวค ถูกส่งถึงไทยอีก1 ล้านโดส เผยยอดจัดสรรวัคซีนให้หน่วยบริการสถานพยาบาลทั่วประเทศแล้ว 1,038,256 โดส
เมื่อเช้าวันที่ 10 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกล่าวในรายการ “นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” ผ่านทางพอดแคสต์ (PODCAST) ถึงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด โควิด-19 ว่า เรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาเราร่วมมือกันเป็นอย่างดีและสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายลง ทุกคนก็อยากจะพักผ่อนหย่อนใจและท่องเที่ยวเพื่อคลายความเครียดจากการทำงาน จนเราอาจจะประมาทและลืมไปว่าทุกนาทีคือ ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ตลอดเวลา ดังนั้น สิ่งใดที่บกพร่องต้องกลับไปดูและแก้ไข เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วไม่มีใครจะสามารถย้อนกลับไปได้ แต่เราจะต้องทำวันนี้และวันต่อๆ ไปให้ดีที่สุด เพื่อต่อสู้กันอีกครั้ง ตนขอยืนยันอีกครั้งว่า การทำงานของรัฐบาลก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ เรามีระบบต่างๆ รองรับไว้อยู่แล้วแม้จะเป็นวันหยุดพวกเราก็ทำงาน
ชี้แก้ปัญหาโดยเน้นจุดที่สมดุล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันการบริหารสถานการณ์ของ ศบค.ชุดเล็ก ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง การแบ่งพื้นที่สถานการณ์ยังแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1.พื้นที่สีส้ม หรือ พื้นที่ควบคุม 9 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ตาก และราชบุรี 2.พื้นที่สีเหลือง หรือพื้นที่เฝ้าระวังสูง 14 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ระนอง ชลบุรี ระยอง ชุมพร สงขลา ยะลา และนราธิวาส และ3.พื้นที่สีเขียว หรือพื้นที่เฝ้าระวัง 54 จังหวัด เหตุผลที่เรากำหนดพื้นที่แบบนี้เป็นเพราะตอนนี้เราเข้าสู่ช่วงสงกรานต์ ตนเป็นห่วงเรื่องการกระทบต่อแผนการเดินทาง รวมถึงการทำมาหากินของผู้ประกอบการที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะเราเคยมีบทเรียนเมื่อปีที่แล้วว่า การใช้ยาแรงอาจจะควบคุมโรคได้ดี แต่มีผลข้างเคียงต่อธุรกิจและผู้ประกอบการทั่วไป โดยเฉพาะร้านอาหาร เราจึงต้องนำเรื่องนี้มาวิเคราะห์ให้รอบคอบ และหาวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุด ให้ถูกจุด และต้องอยู่บนจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความปลอดภัยและชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
เพิ่มความเข้ม-ถี่ตรวจสถานบันเทิง
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่เราเริ่มมาแล้วตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมาคือ หากพบผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการ เช่น ผับบาร์ คาราโอเกะ และอาบอบนวด ก็ให้ปิดสถานประกอบการนั้นทันทีอย่างน้อย 2 สัปดาห์หรือจนกว่าการแพร่ระบาดจะคลี่คลาย ดังนั้น จึงมีสถานประกอบการหลายแห่งในหลายจังหวัดถูกปิดไปแล้ว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ หากมีการแพร่ระบาดในสถานประกอบการหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดใดก็ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกรุงเทพฯ ได้พิจารณาปิดสถานประกอบการ ในพื้นที่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานสาธารณสุขต้องเพิ่มความเข้มข้นและความถี่ในการตรวจตราและกำกับดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สั่งจัดรพ.สนามให้เพียงพอ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อีกเรื่องที่หลายคนยังกังวล คือ เรื่องของจำนวนเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 ล่าสุดได้รับรายงานมาว่าเตียงในโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งเต็มแล้ว ตนจึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้รองรับผู้ป่วยให้เพียงพอเพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล โดยเฉพาะโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ โดยเน้นให้ผู้ป่วยที่มีอาการหนักรับการรักษาในโรงพยาบาล ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการไม่หนักมาก ให้กระจายไปที่โรงพยาบาลสนาม โดยรูปแบบของโรงพยาบาลสนามจะมีพื้นที่ที่กำหนดขึ้นใหม่และพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่โรงพยาบาล เช่น ในโรงพยาบาลบางขุนเทียน โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และพื้นที่สนามกีฬา โดยในส่วนของกระทรวงกลาโหมก็เตรียมไว้อีกส่วนหนึ่ง ขณะที่โรงแรมต่างๆใช้กักตัวกลุ่มเสี่ยง ที่เรียกว่า AHQ (Alternative Hospital Quarantine) สามารถปรับมาเป็นโรงพยาบาลสนามได้ ในส่วนของการปฏิบัติงานตนได้กำชับกระทรวงสาธารณสุขแล้วให้ปลดล็อกเรื่องกฎระเบียบเกี่ยวกับการรับผู้ป่วย โควิด-19 และการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ
คุมเข้มร้านขายอาหาร-เครื่องดื่ม
สำหรับ การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มสามารถเปิดได้โดยใช้มาตรการป้องกัน โควิด-19 อย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีผู้ติดเชื้อในร้านอาหารหรือสถานประกอบการใดให้ปิดสถานบริการนั้นทันทีเพื่อจัดระเบียบอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากพบว่ามีการแพร่ระบาดของโรคในร้านอาหารหรือร้านเครื่องดื่มหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดใดให้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดหรือกรุงเทพฯได้พิจารณาเพิ่มการปิดร้านอาหารที่มีความเสี่ยง เช่น ร้านที่เป็นห้องแอร์ หรือร้านที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างน้อย 2 สัปดาห์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนมาตรการทำงานที่บ้านหรือเวิร์คฟอร์มโฮม เราต้องนำกลับมาใช้ใหม่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยในหน่วยงานภาครัฐ จะต้องไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและการบริการประชาชน ส่วนภาคเอกชนเป็นการขอความร่วมมือ อาจจะสลับวันหรือเหลื่อมเวลาการทำงานเพื่อลดจำนวนคนที่เดินทางออกจากบ้านเพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ด้านการศึกษาตนได้สั่งการไปยังกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงศึกษาธิการ ให้หาวิธีในการเรียนการสอนเหมือนที่เคยทำที่ผ่านมา
ขออย่าเดินทางหากไม่จำเป็น
นายกฯ กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งสำหรับแนวทางการจัดกิจกรรมช่วงสงกรานต์นี้ ตนเป็นห่วงทุกคนจริงๆ หากใครไม่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางขอให้อยู่บ้านและใช้เทคโนโลยีการสื่อสารให้เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจดีถึงความรักความผูกพันของครอบครัวไทย ดังนั้น เมื่อเราต้องเดินทางกลับบ้านหรือไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ขอให้สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการสัมผัส ใครที่เคยไปพื้นที่เสี่ยงขอให้หลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้สูงอายุ ส่วนกิจกรรมที่จัดได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์คือ การสรงน้ำพระ และการรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ ซึ่งควรจัดในพื้นที่โล่งและอากาศถ่ายเทได้ดี ที่สำคัญต้องงดจัดกิจกรรมที่รวมคนจำนวนมาก งดการเล่นน้ำ ประแป้ง และปาร์ตี้โฟม ส่วนในพื้นที่อโคจรต่างๆ ขอให้งดเว้น
วอนคนไทยร่วมมือกันอีกครั้ง
นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ ในสถานที่ต่างๆ ได้ติดตั้งคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชั่นไทยชนะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนจะใช้งานกัน เพราะเมื่อเราพบผู้ติดเชื้อในสถานที่ใด เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถติดต่อท่านได้ง่ายและรวดเร็ว โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 7 เม.ย. มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นไทยชนะประมาณ 62.3 ล้านเครื่อง มีกิจการร้านค้าลงทะเบียน 395,201 แห่งเช็คอินผ่านคิวอาร์โค้ด 86.4% เช็กอินผ่านแอปฯ อีก 13.6% ส่วนใครที่ไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถเขียนชื่อตามจุดที่ร้านค้ากำหนดได้
ทั้งนี้ นายกฯ ได้ขอบคุณในความร่วมมือของทุกคน เพราะถ้าร่วมมือกันเราจะแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา สำหรับรัฐบาลจะทุ่มเทสรรพกำลังอย่างเต็มที่ เพื่อแก้ไขปัญหานี้และขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้ร่วมมือกันอีกครั้ง เพื่อฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน ไม่มีใครทำสำเร็จได้ด้วยคนคนเดียว หรือหน่วยงานเดียว ประชาชนต้องร่วมมือไปกับรัฐบาลด้วย รัฐบาลเองก็จะทำอย่างเต็มที่ ทุกมาตรการที่ออกไปก็ต้องคำนึงผลกระทบ เพราะมีทั้งวิกฤตและโอกาส แต่จะสมดุลอย่างไรในเรื่องเหล่านี้
ไทยป่วยเพิ่ม789รายดับอีก1
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 789 ราย โดยแบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 781 ราย จำนวนนี้เป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 522 ราย และจากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 259 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 31,658 ราย ยอดหายป่วยสะสม 28,161 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 3,400 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ยอดสะสม 97 ราย
วัคซีนซิโนแวคถึงไทยอีก1ล้านโดส
วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วน ว่า “วัคซีน sinovacจำนวน 1ล้านโดส มาถึงประเทศไทย เช้านี้ จะรีบกระจายไปให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด”
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเช้าของวันนี้องค์การเภสัชกรรมได้รับมอบวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค จำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งเป็นการรับมอบลอตที่ 3 ต่อเนื่องจากลอตที่ 1 เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2564 จำนวน 2 แสนโด๊สและล็อตที่2 เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2564 จำนวน 8 แสนโดส โดยการรับมอบวัคซีนของซิโนแวคครั้งล่าสุดนี้ เป็นไปตามที่รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขโดยองค์การเภสัชกรรมดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เร่งด่วน จำนวน 2 ล้านโดส นอกจากนี้ยังมีส่วนที่องค์การเภสัชกรรมได้สั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการส่งมอบในช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้อีก 5 แสนโดส เพื่อให้เพียงพอกับการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนให้มากที่สุด
นายกฯสั่งกระจายฉีดให้ได้ตามแผน
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมมีข้อสั่งการว่าเมื่อดำเนินการตามขั้นตอนตามมาตรฐานต่างๆ แล้ว ขอให้ดำเนินการกระจายวัคซีนไปยังหน่วยบริการและสถานพยาบาลและดำเนินการฉีดให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้ได้ตามแผน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนกลุ่มต่างๆโดยเฉพาะผู้มีความเสี่ยงจากการปฏิบัติหน้าที่ ผู้มีโรคประจำตัว ผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง”น.ส.ไตรศุลี กล่าว
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของสถานการณ์การให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ข้อมูล ณ วันที่ 9 เม.ย. 2564 มีวัคซีนที่จัดสรรไปยังหน่วยบริการและสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,038,256โดส แยกเป็นวัคซีนของซิโนแวค952,205โดส ของแอสตราเซนเนก้า86,060โดส มีผู้ได้รับวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 29 ก.พ.-9 เม.ย. 2564 ทั้งหมด 537,380โดสใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ แยกเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 470,301 ราย เป็นวัคซีนของซิโนแวค417,076 ราย แอสตราเซนเนก้า53,225 ราย ในจำนวนนนี้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 195,483 ราย เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย47,219 ราย ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป 25,563 ราย ผู้มีโรคประจำตัว 21,501 ราย ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 180,535 ราย
เป็นผู้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 67,079 ราย ทั้งหมดเป็นวัคซีนซิโนแวค ในจำนวนนี้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 32,368 ราย เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 6,138 ราย ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป 10 ราย ผู้มีโรคประจำตัว 4,331 ราย และประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 24,232 ราย
จังหวัดที่มีการให้บริการวัคซีนโควิด-19 สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ(113,367ราย) สมุทรสาคร(113,111ราย) ภูเก็ต(76,704ราย) สุราษฎร์ธานี(26,735ราย) ตาก(24,030ราย) สมุทรปราการ(23,646ราย) นนทบุรี(21,621ราย) ชลบุรี(14,711ราย) ปทุมธานี(14,184ราย) และระยอง(9,288ราย)
ผู้ว่าฯกทม.ตรวจความพร้อมรพ.สนาม
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมของการเตรียมสถานที่เพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลสนามรองรับการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ณ บริเวณศูนย์แพทย์ศาสตร์และการเรียนรู้เพื่อผู้สูงอายุ ซอยโรงเรียนโชติการ (ฝั่งตรงข้ามวัดศาลาแดง) ถนนเลียบคลองปทุม เขตทวีวัฒนา โดยมี นายชวินทร์ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมคณะฯ และผู้บริหารสถานพยาบาล กทม. ร่วมให้ข้อมูลให้ข้อมูลการดำเนินงาน
พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยว่า เบื้องต้น กรุงเทพมหานครได้เตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ไว้ 4 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน เขตบางขุนเทียน รองรับได้ 500 เตียง 2.โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เขตทวีวัฒนา รองรับได้ 200 เตียง 3.สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา บางบอน เขตบางบอน รองรับได้ 200 เตียง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้วันที่ 13 เม.ย.64 และ 4.ศูนย์กีฬาบางกอกอารีนา เขตหนองจอก รองรับได้ 350 เตียง (อยู่ระหว่างปรับปรุงสถานที่)
ยืนยันยังมีเตียงรองรับผู้ป่วยได้
นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมสถานที่ต่างๆ ที่จะสามารถเป็นโรงพยาบาลสนามได้เพิ่มเติมด้วยหากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น พร้อมยืนยันว่า ยังมีเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ และยังมีการจัดเตรียมสถานที่เป็นโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม อาทิ อาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง รวมถึงมีการประสานกับบางโรงแรมเพื่อทำเป็น Hospitelไว้บ้างแล้ว บริเวณย่านฝั่งธนบุรี และฝั่งพระนคร
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครโดยสำนักการแพทย์ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย กรมการแพทย์ กลุ่มสถาบันแพทย์ศาสตร์ และโรงพยาบาลเอกชน จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้ 3,000 กว่าเตียง รวมกับของกรุงเทพมหานครแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 เตียง และมีการประสานกับภาคีเครือข่ายจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมเป็นระยะ รวมถึงแนวทางการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่บริเวณแจ้งวัฒนะด้วย คาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะมีโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 10,000 เตียง
ชลบุรียอดป่วยโควิดรายวันพุ่ง141ราย
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีรายงานยอดผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันรายใหม่ วันนี้ 141 ราย เร่งค้นหาเชิงรุก ปิดสถานบันเทิงทุกแห่งอย่างน้อย 14 วัน เพื่อยับยั้งการระบาดเป็นผู้ป่วยใน Cluster ร้านฟริ้นสโตน 54 ราย (ทั้งนี้ใน Cluster นี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2564 รวม 90 ราย)ผู้ติดเชื้อ Class 99 4 รายผู้ติดเชื้อ Bone Pattaya1 รายสน.3 นาป่า 3 รายผู้สัมผัสครอบครัวที่มาจากมอเตอร์โชว์ 2 ราย (Cluster นี้มีผู้ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2564 ไปแล้ว 15 ราย) พนักงานร้าน ซิมโฟนี่ 1 ราย (ซึ่งอยู่ใน Cluster ชาวญี่ปุ่นจากคริสตัลผับ รวม Cluster นี้ ทั้งหมด 43 ราย) ผู้ป่วยจาก จ.ระยอง มารักษาที่ จ.ชลบุรี 4 ราย และ จาก จ.นนทบุรี 1 ราย ผู้ไปเที่ยวสถานบันเทิง ที่ กทม. 4 ราย สัมผัสผู้ไปเที่ยวสถานบันเทิง ที่ จ.สมุทรปราการ 1 ราย ผู้สัมผัสผู้ที่ยังไม่ทราบประวัติแน่ชัด 6 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 60 ราย
รท.หญิงติดโควิด-สั่งกักตัวกำลังพลอื้อ
มีรายงานข่าวว่า มีทหารหญิงยศร้อยโท เป็นบุตรสาวอดีตทหารชั้นนายพล เกษียณอายุราชการไปแล้ว พร้อมกลุ่มเพื่อน สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ติดโควิด-19 ภายหลังเดินทางไปบริเวณพื้นที่ทองหล่อ แต่ปกปิดข้อมูลไม่แจ้งต้นสังกัดให้รับทราบ และเข้ามาปฏิบัติงานตามปกติ หลังเกิดเหตุเจ้าตัวและกลุ่มเพื่อนอ้างว่า ไม่ได้ไปเที่ยวผับต้นเหตุแพร่เชื้อโควิด-19 จนเป็นเหตุให้กำลังพลจำนวนมาก ต้องกักตัวและเฝ้าสังเกตุการณ์ตัวเอง เนื่องจาก ร้อยโทหญิง คนดังกล่าวได้ปฏิบัติภารกิจสำคัญ ทั้งประชุม ร่วมการฝึกการฝึกการสนธิกำลังดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2564 ณ สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมี พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือ เข้าร่วม โดยกองทัพเรือ ได้สั่งให้ทหารฝ่ายยุทธการ ที่ทำงานติดต่อและใกล้ชิด ร้อยโทหญิง คนดังกล่าว กักตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เชียงใหม่ป่วยอีก 186 ราย
ด้านสถานการณ์โควิค-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่สามารถควบคุมจำนวนผู้ป่วยได้ ทำให้มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นรายวันเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งวันนี้วันเดียวมีผู้ป่วยใหม่ถึง 186 ราย บางรายไม่แสดงอาการแต่ตรวจพบเชื้อ ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยระลอก 3 สะสมเป็น 381 ราย จนสำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ ต้องเพิ่มจุดตรวจอีก 1 จุด ช่วงบ่ายวันนี้ บริเวณศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ตรวจได้ประมาณ 300 คน จุดเดียวกันกับโรงพยาบาลสนาม ก่อนหน้านี้ รับตรวจบริเวณโรงพยาบาลประสาท และนำรถชีวนิรภัยพระราชทาน 2 คัน จอดตรวจที่ร้านวอร์มอัพ ถนนนิมานเหมินตร์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังคาดการณ์ว่ายังจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก ต้องสร้างโรงพยาบาลสนามขนาด 280 เตียง แต่ยังไม่เพียงพอ ต้องขอรับบริจาคเตียงเครื่องนอน เพื่อขยายพื้นที่เป็นขนาด 500 เตียง น้ำดื่มชนิดขวด สบู่ ยาสีฟัน ผ้าอนามัย กระดาษทิชชู่ สำหรับผู้ป่วย
ทร.จัดเตรียมสนามรองรับ
ด้านการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนาม ของกองทัพเรือ สำหรับสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข ในกรณีที่มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก 3 แห่ง ของกองทัพเรือในพื้นที่ภาคตะวันออก ประกอบด้วย 1.ศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จำนวน 320 เตียง 2.กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จำนวน 174 เตียง 3.สนามฝึกกองทัพเรือ บ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี จำนวน 232 เตียง
ซึ่งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ทั้ง 3 แห่ง รวม 726 เตียงนี้ จะใช้ในกรณีการระบาดของโรค COVID-19 ในวงกว้าง มีความจำเป็นต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดตั้งระบบบริการดูแลรักษาพยาบาล ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (Patients under investigated : PUI) ในกรณีที่เกินขีดความสามารถของโรงพยาบาล ตั้งแต่การคัดกรองผู้ป่วย การให้การวินิจฉัย การดูแลรักษาแบบ One Stop Services รวมถึงเพื่อให้สามารถรับผู้ป่วยโรค COVID-19 ที่ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาล แต่ต้องกักกันโรคต่อ หรือผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงไว้ดูแลรักษาแบบผู้ป่วยใน (เฉพาะกรณีที่มีการระบาดเป็นวงกว้าง จำนวนผู้ป่วยเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลหลัก และโรงพยาบาลเฉพาะโรคที่กำหนดไว้)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี