สำนักเลขานุการแอปเตอร์ เราได้มีโอกาสทำงานร่วมกับสำนักงานระดับอินเตอร์ เพื่อนบ้าน คือ แอฟซิส หรือ ASEAN Food Security Information System : AFSISซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับรวบรวมและวิเคราะห์ รวมทั้งนำเสนอข้อมูลสินค้าเกษตรสำคัญของอาเซียน เนื่องจากทางแอปเตอร์เองต้องพึ่งพาข้อมูลด้านข้าวจากเขา เพื่อเอามาวิเคราะห์ในด้านความมั่นคงทางอาหาร รวมทั้งเพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัยว่าการร้องขอความช่วยเหลือด้านข้าวของประเทศผู้ประสบภัยนั้น เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือยัง หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากทีเดียวกับการหาข้อมูลของแอฟซิส เนื่องจากจะต้องเป็นข้อมูลที่ได้จากการรายงานของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ และเอามาทำการวิเคราะห์ตามหลักวิชาการ
ความจริงหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลด้านการเกษตรสำหรับประเทศไทย ใครๆ ที่อยู่ในแวดวงของเกษตรก็ย่อมทราบว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร หรือ สศก. จัดเป็นองค์กรหรือหน่วยราชการหลักที่เชี่ยวชาญมากที่สุด การที่มีแอฟซิสมาตั้งอยู่ด้วยกันจึงถือว่าเหมาะสมที่สุดเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพราะแอฟซิสนอกจากจะได้งบประมาณด้านการทำงานจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังต้องใช้บุคลากรส่วนใหญ่จากทาง สศก. ซึ่งเชี่ยวชาญอยู่แล้ว แต่ทว่าข้าราชการเหล่านี้ อาจต้องเหนื่อยหน่อย เพราะต้องทำงาน 2 หน้าที่ วิ่งไปวิ่งมา น่าเห็นใจมาก ยิ่งท่านผู้จัดการแอฟซิสคนปัจจุบัน ต้องทำงานช่วยท่านเลขาธิการ สศก.อีก เท่ากับว่าต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นถึง 3 หน้าที่เลยทีเดียว
ผมพูดถึงแอฟซิสวันนี้ ก็เพียงอยากจะแนะนำองค์กรระหว่างประเทศระดับอาเซียนหน่วยนี้ให้ท่านผู้อ่านได้รู้จัก ซึ่งความจริงแอฟซิสน่าจะถือว่าเป็นองค์กรคู่แฝดของแอปเตอร์ก็ว่าได้ เพราะเราตั้งขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนเกือบพร้อมๆ กัน อีกทั้งก็มาอาศัยชายคาของ สศก.ทั้ง 2 หน่วย เหมือนกัน ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที ทั้งนี้ เนื่องจากผู้บริหารของ สศก.ในยุคก่อนอีกนั่นแหละที่เป็นตัวตั้งตัวตี ร่วมกันสร้างและผลักดันองค์กรระหว่างประเทศทั้งสองแห่งนี้ ยิ่งปัจจุบันทาง สศก.ยกชั้น 2 ของอาคารนวัตกรรมหลังใหม่ให้เราทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ก็ถือว่าชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นองค์กรอินเตอร์ไปโดยอัตโนมัติ ปัจจุบัน ทาง สศก.ได้อนุเคราะห์ปรับปรุงห้องประชุมชั้น 2 ให้ใช้ร่วมกัน เป็นห้องประชุมที่ถ้าสำเร็จตามแปลนจะหรูหรามาก มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ด้วยว่าจากนี้ไป เราคงต้องมีการใช้การประชุมระหว่างประเทศมากขึ้น รวมทั้งทางใกล้และทางไกล ก็ต้องขอบคุณทางรัฐบาลไทยที่ลงทุนสนับสนุนสองหน่วยงานนี้แบบไม่อั้น สมกับที่เหล่าบรรดาประเทศสมาชิกไว้วางใจยอมให้มาตั้งในประเทศไทย ทั้งที่มีหลายประเทศอาสาที่จะให้เป็นแหล่งที่ตั้ง
หน่วยงานแอฟซิสนี้ ก็มีผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น 1 คน ถูกส่งมาทำงานประจำเหมือนแอปเตอร์เช่นเดียวกัน เวลาทำงานเข้าห้องน้ำก็เดินผ่านกันประจำ ทักทายกันอยู่เกือบทุกวัน นอกจากนี้ ก็ยังมีเจ้าหน้าที่จ้างมาแบบชั่วคราวอีกหลายคน ทำหน้าที่ติดตามข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล แล้วรายงานออกมาเป็นเอกสารรายครึ่งปี รายเดือน รวมทั้งการพยากรณ์เกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร เช่น ผลผลิตข้าว การใช้ สต๊อกคงเหลือ ความจริงองค์กรแอฟซิสเองสมาชิกหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายไทยเรา พยายามอย่างยิ่งที่จะผลักดันให้เป็นองค์กรประเภทถาวรแบบเดียวกับแอปเตอร์แต่หลายประเทศก็ยังไม่ค่อยจะเห็นด้วย ประการหนึ่งพูดตรงๆ คือคงไม่อยากจะเสียเงินบริจาคแบบประจำ เมื่อเปรียบเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับ กล่าวคือ มีแต่เรื่องข้อมูลที่ทุกประเทศก็สามารถทำเองจัดการเองได้ บางคนก็ไม่ทราบหรือไม่สนใจว่าจะมีข้อมูลของประเทศอื่นๆ ไปทำไมกัน
แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้ว การมีแอฟซิสถือว่ามีความจำเป็นมาก เพราะเกี่ยวเนื่องกับข้อมูล ซึ่งหากไม่มีใครดูแลดำเนินการในภาพรวม ความเข้มแข็งของอาเซียนก็คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก ดูอย่างสหรัฐอเมริกา ที่มีหน่วยงานทำหน้าที่เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเกษตรของทุกประเทศทั่วโลก ที่เรียกว่าข้อมูล USDA ที่ทุกคนเรียกติดปาก ใครหาข้อมูลอะไรไม่ได้ ก็ต้องไปค้นหาของ USDA ทำไมเขายังทำได้ แต่ของเราเพียง 10 ประเทศเท่านั้น กลับมีปัญหา ก็คงต้องช่วยกันผลักดัน ทำความเข้าใจกันไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี