ยอดป่วยสะสมโควิดแตะ 4 หมื่นวันแรกตายเพิ่มอีก 2 ราย เฉพาะระลอก 3 ยอดพุ่งถึง 1.7 หมื่น ข้อมูลระลอกนี้แพร่เชื้อเยอะอาการไม่หนัก ขอปชช.มั่นใจ รพ.สนามดูแลเต็มที่ขอความร่วมมือทำตามมาตรการ ศบค. นายกฯฝากขรก. wfh อย่ากระทบบริการปชช.
วันที่ 17 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 1,547 ราย จากการตรวจพบระบบเฝ้าระวังและบริการ 1,316 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 228 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 3 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 40,585 ราย ซึ่งแตะ 4 หมื่นรายเป็นวันแรกตั้งแต่มีผู้ป่วยโควิด รักษาหายป่วยสะสม 28,570 ราย รักษาอยู่ 11,916 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เป็นชายไทย อายุ 38 ปี อาชีพโปรแกรมเมอร์ มีโรคประจำตัว โรคอ้วน ขณะป่วยอยู่ จ.ตาก ประวัติเกี่ยวข้องกับคัสเตอร์ทองหล่อ วันที่ 3 เม.ย.มีอาการไอ คันคอ ปวดเมื่อยตัว วันที่ 4 เม.ย. ผลยืนยันพบเชื้อโควิด-19 วันที่ 11 เม.ย. ผู้ป่วยมีอาการทรุดหนัก ใส่ท่อช่วยหายใจ ต่อมาอาการแย่ลงและเสียชีวิตวันที่ 16 เม.ย.
ส่วนอีกราย อายุ 51 ปี อาชีพพนักงานบริษัท มีโรคประจำตัว โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ขณะป่วยอยู่ จ.ปทุมธานี มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า วันที่ 10 เม.ย.มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีเสมหะปนเลือด วันที่ 12 เม.ย.ผลยืนยันพบเชื้อโควิด วันที่ 14 เม.ย.มีภาวะหายใจล้มเหลว ใส่ท่อช่วยหายใจ ต่อมาอาการแย่ลง และเสียชีวิตใน วันที่ 15 เม.ย. รวมยอดเสียชีวิตสะสม 99 ราย ส่วนสถานการณ์โลก 140,511,425 ราย เสียชีวิต 3,012,007 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยระลอกเดือนเม.ย.ตั้งแต่วันที่ 1-17 เม.ย.มีผู้ติดเชื้อสะสม 11,722 ราย เสียชีวิต 2 ราย จึงมีการนำข้อมูลเปรียบเทียบอัตราป่วยและอัตราการเสียชีวิตของโควิด-19 ที่แบ่งเป็น 3 ระลอก คือ ระลอก ม.ค.63 ช่วงม.ค.-14 ธ.ค.63 ระยะเวลา 11 เดือนครึ่ง มีผู้ป่วย 4,237 ราย เสียชีวิต 60 ราย คิดเป็น 1.42 เปอร์เซ็นต์ ระลอกธ.ค.63 คือระหว่าง 15 ธ.ค.63-31มี.ค.64 ระยะเวลา 3 เดือนครึ่ง มีผู้ป่วย 24,626 ราย เสียชีวิต 34 ราย คิดเป็น 0.14 เปอร์เซ็นต์ ระลอก เม.ย.64 วันที่ 1-13 เม.ย. ระยะเวลา 13 วัน มีผู้ป่วย 5,712 ราย เสียชีวิต 3 ราย คิดเป็น 0.05 เปอร์เซ็นต์
จากข้อมูลตรงนี้จะเห็นได้ว่าการป่วยระลอก เม.ย.64 จะเห็นผู้ป่วยรอบนี้กระจายมากขึ้น แต่ความรุนแรงยังไม่มากเท่าเดิม เราควรตระหนักแต่อย่าตื่นตระหนก ใครที่มีอาการป่วยขอให้เข้าสังเกตอาการที่โรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้มีหลายรูปแบบ ทั้งโรงพยาบาลรวมถึงโรงพยาบาลสนาม ซึ่งในปัจจุบันโรงพยาบาลสนามจะเป็นคำตอบ เพราะเดิมเมื่อมีผู้ป่วยจะไปแอดมิดที่โรงพยาบาล แต่วันนี้คนป่วยเดินไปไหนมาไหนได้ ดังนั้นเตียงโรงพยาบาลควรให้คนป่วยที่อาการปานกลางถึงอาการหนัก
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับโรงพยาบาลสนามไม่ได้เลวร้ายอะไร บางคนบอกชอบเพราะได้พูดคุยสังสรรค์ ที่สำคัญโรงพยาบาลสนามจะประหยัดทรัพยากรบุคคลในการดูแลคนป่วย ขอให้ทุกคนเข้าใจและให้ความร่วมมือ เพราะโรงพยาบาลทุกแห่งมีศักยภาพในการดูแลประชาชน และถ้าเราดูกราฟตัวเลขจะเห็นว่าสัปดาห์นี้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเกือบ 1 หมื่นคน และกระจายตัวไป 77 จังหวัด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เห็นว่าการกระจายตัวของเชื้อรอบนี้กระจายมากขึ้น แต่ความรุนแรงไม่มากมากเท่าเดิม
“ป่วยแล้วไม่ได้หมายความว่าต้องไปโรงพยาบาลอย่างเดียว ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามได้ แต่คนที่ป่วยต้องเข้าระบบแยกกัก ก่อนหน้านี้เราใช้โรงพยาบาลมาก่อน ตอนนี้มียอดเพิ่มขึ้นหลายเท่า ยืนยันโรงพยาบาลทั้งหมดคำนึงถึงความปลอดภัยประชาชนทั้งสิ้น”นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า เมื่อคืนวันที่16 เม.ย. ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 20 ที่จะมีผลเที่ยงคืนวันที่ 18 เม.ย. ยืนยันไม่มีการใช้เคอร์ฟิว แต่เราจะจำกัดที่หมายลดการเคลื่อนย้าย หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี และสำหรับ 18 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด ที่มีมาตรการจำกัดเวลาเปิดปิดร้านสะดวกซื้อ ก็ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ให้ปิดตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 18 เม.ย. และเปิดอีกครั้งเวลา 04.00 น. วันที่ 18 เม.ย. ขณะที่มีการถามมาว่างานศพจัดได้หรือไม่นั้น เราเว้นเฉพาะงานรื่นเริงสังสรรค์ งานทางศาสนาจึงไม่อยู่ในข้อกำหนดดังกล่าว จึงทำได้ เพียงแต่ขอให้มีการเว้นระยะห่างป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อ สำหรับมาตรการเวิร์คฟอร์มโฮมของหน่วยงานภาครัฐขอให้ดำเนินการเต็มรูปแบบ แต่นายกรัฐมนตรีห่วงใยการบริการประชาชนต้องไม่ขาดตกบกพร่อง และการบริหารราชการไม่กระทบสัดส่วนนี้ ส่วนกรณีที่ให้อำนาจผู้ราชการจังหวัดออกมาตรการต่างๆเพิ่มเติมนั้น ยืนยันว่าผู้ว่าฯไม่สามารถออกประกาศเคอร์ฟิวได้ เพราะเป็นอำนาจของผู้อำนวยการ ศบค.เท่านั้น ถ้าจะใช้คงเป็นการปิดสถานที่ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ฝากว่าหลายครั้งเราต้องมาพูดคุยกันถึงสิ่งที่ภาครัฐออกมาในข้อกำหนดต่างๆอย่างเต็มที่ เราอยากเห็นภาพผู้ประกอบการร่วมมือร่วมใจกันตามที่ตกลงกันไว้ ขณะที่ภาคประชาชนก็มีความสำคัญ กฎต่างๆที่ออกมาเราต้องเข้าใจตรงกัน และถ้าทุกคนร่วมมือกันจะสำเร็จ เรามีเวลา 14 วัน ช่วยกันดึงกราฟให้ลดลงมาด้วยมือประชาชนทั้ง 60 กว่าล้านคน 14 วันข้างหน้าจะเห็นผลอย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี