“เพนกวิน” ปฏิเสธกระบวนพิจารณาของศาลอีกรอบ ถอนทนายคดีม็อบเฟส ไม่ตอบเสียงเรียกร้องเลิกอดอาหาร
ทนายเชื่อ “เพนกวิน” ติดคุกไม่ต่ำกว่า 50 ปี แม้ถอนทนายศาลก็พิพากษาได้ ล่าสุดวืดประกันอีกรอบ
วันที่ 19 เม.ย.64 ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.286/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112 กรณีจำเลยร่วมชุมนุมปราศรัยกลุ่มม็อบเฟส เมื่อวันที่ 14-15 พ.ย. 2563 ที่แยกคอกวัว และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง โดยศาลเบิกตัวนายพริษฐ์ จำเลย จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาล ซึ่งนายพริษฐ์อดอาหารประท้วงในเรือนจำมากว่า 30 วัน ไม่ได้รับการประกันตัวคดีนี้และคดีชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563
สำหรับวันนี้ เพนกวินนั่งรถเข็น ห้อยสายน้ำเกลือ โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พร้อมทีมแพทย์คุมตัวเข้าห้องพิจารณาเช่นเคย ซึ่งเพนกวินร่างกายผอมลง อิดโรย ดมยาดมอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ในช่วงการพิจารณาคดีนั้น โดยวันนี้ศาลและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ให้เพนกวินได้นั่งพูดคุยกับมารดา ญาติ ทนายความ และเพื่อนนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ 2 คน ร่วมพูดคุยปรึกษาหารือกัน โดยสวมหน้ากากอนามัยป้องกันไวรัสโควิด-19
ต่อมาอัยการโจทก์ได้เสนอพยานเข้าสืบจำนวน 32 ปาก แต่เพนกวิน จำเลย แถลงไม่รับพยาน โดยขอแถลงต่อศาล และพยายามลุกขึ้นจากรถเข็นแต่ไม่สามารถพยุงตัวลุกได้ ศาลจึงให้นั่งแถลงผ่านไมโครโฟน เพนกวินกล่าวอย่างช้าๆ น้ำเสียงอ่อนลง ระบุว่า ข้าฯแต่ศาลที่เคารพ เนื่องด้วยข้าพเจ้ายังไม่ต้องคำพิพากษาให้มีความผิดตามกฎหมายมาตราใดๆ ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ การที่ศาลคุมขังข้าพเจ้าไว้ ทำให้ไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น กระบวนการนี้ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรม จึงไม่ขอยอมรับ ขอปฏิเสธทุกกระบวนการ และไม่ขอลงลายมือชื่อใดๆในกระบวนพิจารณา จนกว่าจะได้รับสิทธิการประกันตัว เพื่อสู้คดีอย่างเต็มที่
ศาลได้อธิบายให้เพนกวินฟังว่า กระบวนการในวันนี้เป็นนัดตรวจพยานหลักฐาน ถ้าไม่กำหนดวันนัดคดีเพื่อสืบพยานก็จะทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเพนกวินปฏิเสธไม่ยอมรับกระบวนการก็จะบันทึกตามที่เพนกวินแถลง เพนกวินกล่าวตอบว่า ตนขอปฏิเสธ เพราะไม่ได้ประกันตัว ทำให้ต่อสู้คดีได้ไม่เต็มที่ และขอถอนทนายความไปพร้อมกัน จากวันนี้เป็นต้นไป
ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณาสรุปได้ว่า จำเลยยืนยันให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ทุกประการ อัยการโจทก์ติดใจสืบพยาน32 ปาก จำเลยและทนายจำเลยแถลงไม่รับข้อเท็จจริงในส่วนของพยานโจทก์ทุกปาก
อัยการโจทก์แถลงเพิ่มเติมว่า เมื่อฝ่ายจำเลยไม่ยอมรับข้อเท็จจริง โจทก์ติดใจสืบพยานปากทั้ง 32 ปาก และจะแถลงเกี่ยวกับพยานที่โจทก์จะนำสืบเพื่อขอออกหมายเรียกมาในภายหลัง ขอใช้เวลาสืบพยานโจทก์จำนวน 9 นัด
จำเลยแถลงว่า ขอให้การปฏิเสธและปฏิเสธกระบวนการในชั้นศาลนี้ เนื่องจากจำเลยไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ หากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จำเลยจะให้การยอมรับในกระบวนการยุติธรรมและจะขอต่อสู้คดี จำเลยขอถอน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส, น.ส.กุณฑิกา นุตจรัส และ นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ออกจากการเป็นทนายความ
ทนายจำเลยแถลงว่า เมื่อจำเลยขอถอนทนายความ แต่เมื่อศาลยังไม่ได้อนุญาตให้ถอน จึงจะขอทำหน้าที่ทนายความต่อไปก่อนและได้เคยยื่นบัญชีระบุพยานไว้ฉบับลงวันที่ 5 มี.ค. มีพยานบุคคล 4 ปาก และในวันนี้ได้เตรียมบัญชีระบุพยานไว้เพื่อยื่นเพิ่มเติมโดยมีพยานบุคคล 11ปาก รวมทั้งหมด 15 ปาก เพื่อเป็นการรักษาสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลยในขณะที่ยังทำหน้าที่ทนายความ จึงขอกำหนดวันนัดในส่วนของจำเลยไว้ตามที่ได้แถลง ส่วนจำนวนวันนัดของจำเลยขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล หากมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับพยานจะมีการแถลงให้ศาลทราบ เพื่อกำหนดวันนัดเกี่ยวกับพยานเพิ่มเติมต่อไป
ศาลพิเคราะห์ตามคำแถลงของโจทก์และข้อต่อสู้ของจำเลยแล้ว เห็นควรกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ 9 นัด นัดสืบพยานจำเลย 5 นัด ให้คู่ความไปกำหนดวันและเวลานัดที่ศูนย์นัดความ โดยแจ้งให้คู่ความทราบว่า ศาลจะพิจารณาคดีติดต่อกัน เมื่อสืบพยานโจทก์แล้วเสร็จจะสืบพยานจำเลยต่อทันที ศาลจะเพิ่มวันนัดสืบพยานให้ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้เท่านั้น และให้คู่ความปฏิบัติตามคำสั่งในการเตรียมคดีตามคำสั่งศาล ให้หมายเบิกจำเลยมาในวันสืบพยานทุกนัด อนุญาตให้ถอนทนายความได้
ภายหลังเสร็จสิ้นการพิจารณาคดี มีกลุ่มเพื่อนของเพนกวินและประชาชนมายืนรอให้กำลังใจบริเวณแนวรั้วกั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข็นรถเข็นเพนกวินออกมาจากห้องพิจารณาเพื่อลงไปห้องควบคุมใต้ถุนศาล ผู้หญิงวัยกลางคนที่มายืนให้กำลังใจรายหนึ่งได้ตะโกนขอร้องให้เพนกวินเลิกอดอาหาร สงสารแม่ อย่างต่อเนื่อง ส่วนเพื่อนได้ให้กำลังใจ ซึ่งเพนกวินได้ชูสามนิ้วให้กับทุกคนโดยไม่พูดตอบโต้ใดๆ
สำหรับภายนอกอาคารศาลอาญา มีหลวงพ่อดาวดิน ปฐวัตโต อายุ 59 ปี มาเรียกร้องนั่งอดอาหารเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำราษฎร ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ 6 ในการอดอาหารแล้ว โดยการนั่งอดอาหารมีมวลชนจำนวนหนึ่งเป็นกำลังใจและติดตามสถานการณ์ จากนั้นเวลา 11.45 น. มีกลุ่มคนประมาณ 10-15 คน รวมกลุ่มกันถือและติดป้ายปล่อยเพื่อนเรา ยกเลิก ม.112 บริเวณเกาะกลางถนนนอกอาคารศาลอาญา ทำให้ตำรวจ สน.พหลโยธิน เข้ามาขอให้ปลดป้ายลง เนื่องจากผิด พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ทำให้มีการโต้คารมกัน โดยฝั่งผู้ชุมนุมมีการต่อว่าเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจ ก่อนจะแยกย้ายกันไป
ขณะที่นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์ว่า เพนกวิน ขอถอนทนายความ และปฏิเสธกระบวนการพิจารณาคดี ม.112 จากการปราศรัยกลุ่มม็อบเฟส วันนี้เพนกวินได้รับการผ่อนปรนจากศาลพอสมควร โดยอนุญาตให้พ่อแม่กับเพื่อนที่เป็นนักศึกษาเข้ามาพูดคุยกัน เพราะเพนกวินมีปัญหาเรื่องการเรียน เนื่องจากไม่ได้เข้าสอบ
นายกฤษฎางค์ กล่าวถึงเหตุผลในการถอนทนายของเพนกวินว่า มีทนายความไปก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือคดีได้ เนื่องจากตัวเองไม่ได้รับสิทธิในการตรวจสอบพยานหลักฐานต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ เมื่อไม่เข้าร่วมกระบวนการยุติธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องมีทนาย และยังขอศาลว่าไม่ต้องเบิกตัวเขามาขึ้นศาล แต่เป็นไปไม่ได้ เพราะในคดีอาญาการพิจารณาคดีต้องทำต่อหน้าจำเลยเป็นหลักกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วจากนี้กระบวนการต่อไปจะเป็นอย่างไร จะมีการสืบพยานต่อไปได้หรือไม่ นายกฤษฎางค์ เปิดเผยว่า ยังนัดสืบพยานโจทก์ได้เรื่อยๆ แต่เนื่องจากเพนกวินไม่อนุญาตให้ตนเข้าไปทำหน้าที่ เพราะเขาคิดว่าจะไม่เข้าร่วมกระบวนการนี้ หากมองในแง่นักกฎหมาย ตามหลักกฎหมายแล้ว เมื่อจำเลยมาอยู่ต่อหน้าศาล จะสืบพยานแล้วไม่ตั้งทนาย ศาลจะตัดสินความผิดตามที่โจทก์กล่าวหา อันนี้คือตามที่กฎหมายกำหนด แต่ในสายตาเพนกวินเชื่อว่าเขาไม่มีโอกาสในการต่อสู้คดี เนื่องจากไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งควรเป็นสิทธิที่เขาต้องได้รับ ขณะเดียวกันศาลจังหวัดเชียงรายก็อนุญาตให้ประกันตัวบาส-มงคล ถิระโคตร (ผู้ต้องหาคดี ม.112) ศาลอาญาก็เคยให้ประกันตัวเขากับเพื่อน และเคยให้ประกันตัวคดีที่มีโทษหนักกว่าของเพนกวิน ทั้งโทษกบฏโทษประหารชีวิต ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าเกณฑ์ที่ใช้กับเขานั้นไม่เป็นธรรม
"คดีนี้มีพยานโจทก์เป็นพยานบุคคล 32 ปาก มีพยานเอกสารอีกร่วม100 กว่าฉบับ เขาไม่มีโอกาสที่จะออกจากคุกมาตรวจสอบ แล้วโทษสูง เพนกวินถ้าติดคุกคงติดไม่ต่ำกว่า 50 ปี ตามกฎหมาย ในคดีนี้ รวมทั้งการที่เขาไม่มีโอกาสที่จะพบปะหารือกับทนายความเป็นการส่วนตัว ทำให้เขาคิดว่าเขาเหมือนกับนักกีฬาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในกติกากฎเกณฑ์ เขาจึงไม่เข้าร่วม เขาถือว่าถ้าเขาแพ้คดี เขาอาจจะชนะในความยุติธรรม เขาคงไม่มาร่วมด้วย เพราะฉะนั้น คำถามว่าคดีจะไปยังไง คดีก็ไปแบบที่สืบพยาน โดยจำเลยอาจจะอยู่ไม่ถึงวันนั้น หรืออยู่แล้วก็ไม่ได้ฟัง แล้วไม่ได้สนใจใยดี เพราะถือว่าเป็นบทกฎหมายที่เขาไม่สมควรจะร่วมด้วย ถึงที่สุดศาลก็จะมีคำพิพากษาออกมาได้อยู่ดี แม้ว่าจะหนีไป เดี๋ยวนี้ก็มีกฎหมายพิจารณาลับหลังก็ได้”
เมื่อถามถึงความกังวลกับคดีนี้ที่จะไม่มีทนายความมาดูแลแล้ว นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า เมื่อทนายความพ้นจากการเป็นทนายก็จะไม่มีภารกิจอะไรในคดีนี้แล้ว แต่ความห่วงใยที่มี คือห่วงกังวลน้องๆ ห่วงกังวลคนที่เราเห็นว่าพวกเขาได้ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ พวกเขาน่าจะได้รับการพิสูจน์ในระบบยุติธรรมที่เป็นธรรม ตนก็ห่วงในฐานะที่เขาเป็นน้องคนหนึ่งที่รู้จัก แต่คงคิดว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้ เพราะเขาจะไม่เข้าร่วมกระบวนการยุติธรรมที่ศาลอาญาแห่งนี้ต่อ เราก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เพนกวินแถลงต่อศาล และมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ต่อมาศาลพิเคราะห์คำร้องขอปล่อยชั่วคราว พร้อมเงินสด 2 แสนบาทของนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของเพนกวิน ซึ่งระบุว่า นายพริษฐ์มีอาการทรุดโทรม เชื่อว่าสุขภาพอยู่ในขั้นอันตรายแก่ชีวิต จึงขอศาลให้ประกัน และมีเงื่อนไขให้ไปรักษาตัวที่รพ. โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลอาญา และศาลอุทธรณ์ เคยมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวมาก่อนแล้ว กรณีจึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี