ไทยติดเชื้อ1,763ตาย27
ตั้งวอร์รมสู้โควิด
‘บิ๊กตู่’นั่งบัญชาการเอง
สกัดไวรัสแพร่แหล่งชุมชน
กทม.ผุดศูนย์ควบคุม50เขต
หมอทวีศิลป์ยันไม่ต้องห่วง
‘ยาฟาวิพิราเวียร์’มีเพียงพอ
ศบค.แถลงไทยติดเชื้อใหม่ 1,763 ราย ดับอีก 27 ราย อาการหนัก 1,009 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 311 ราย เดินหน้าเร่งตรวจเชิงรุกชุมชนในกทม.ให้ได้วันละพันคน ยันมียาฟาวิพิราเวียร์เพียงพอ จ่อนำเข้าจากญี่ปุ่นอีก22 ล้านเม็ด ผุดศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ โควิดกรุงเทพฯ-ปริมณฑลนายกรัฐมนตรีนั่งผู้อำนวยการฯ คอยกำกับดูแลเอง พร้อมตั้งศูนย์ควบคุมการแพร่ระบาดโควิดระดับเขต
โดยมี ผอ.เขต กทม. 50 เขต รับการถ่ายทอดนโยบายลงไปปฎิบัติในพื้นที่ “บิ๊กตู่”โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุติดตามสถานการณ์ที่คลองเตยมาโดยตลอด โดยกำหนด 8 มาตรการ สั่งตรวจ 39ชุมชน ระดมฉีดวัคซีน 5 หมื่นคน ส่วนการฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ชาวชุมชนคลองเตยวันแรกเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี
เมื่อเวลา 11.30น.วันที่ 5พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,763 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,750 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,519 มาจากการค้นหาเชิงรุก 231 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 13 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 72,788 ราย หายป่วยสะสม 42,474 ราย เฉพาะวันนี้หายป่วย 1,490 ราย อยู่ระหว่างรักษา 30,011 ราย อาการหนัก 1,009 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 311 ราย มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 27 ราย เป็นชาย 21 ราย หญิง 6 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 303 ราย สำหรับ 5 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดในวันที่ 4 พ.ค. ได้แก่ กทม. 526 ราย สมุทรปราการ 201 ราย นนทบุรี 168 ราย ชลบุรี 91 ราย และสมุทรสาคร 55 ราย ภาพรวมสถานการณ์ในต่างจังหวัดแนวโน้มทรงตัวและควบคุมได้ ยกเว้น กทม.และปริมณฑล
กทม.-ปริมณฑลป่วยเฉียดพันคน
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก มีการพูดถึงการแพร่ระบาดใน กทม.และปริมณฑล เฉพาะวันที่ 4 พ.ค. มีผู้ติดเชื้อรวมกัน 956 ราย มากกว่าอีก 73 จังหวัดรวมกัน ดังนั้น ถ้าเราจัดการ กทม.และปริมณฑลได้เท่ากับการจัดการได้เกินครึ่งของประเทศ ทั้งนี้ สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่แขวงลุมพินี แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน มีชุมชนแออัด 6 แห่ง และเคหะชุมชน 1 แห่ง รวมประชากรทั้งสิ้น 29,581 คน ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. พบการติดเชื้อใน 6 ชุมชน จำนวน 162 ราย ซึ่งพบมากที่ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ 61 ราย เคหะบ่อนไก่ 14 ราย ชุมชนโปโล 10 ราย และตัวเลขพุ่งขึ้นมาในช่วงสงกรานต์ โดยเราต้องรีบหาผู้ติดเชื้อเพื่อแยกออกจากคนในชุมชน ลงตรวจเชิงรุกในชุมชนเฉลี่ยวันละ 1,000 ราย โดยวันที่ 4 พ.ค. จะไปตรวจเชิงรุกที่ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่
สมุทรปราการปิดโรงงานสกัดไวรัส
ในที่ประชุมยังมีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต ซึ่งพบผู้ติดเชื้อ 80 ราย กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ เช่น ชุมชนวัดญวน ชุมชนหลังบ้านมนังคศิลา ชุมชนริมทางรถไฟสายแปดริ้ว นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานสถานการณ์ที่โรงงานแห่งหนึ่งใน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ว่าพบผู้ติดเชื้อ 160 ราย โดยเริ่มต้นมาจากพนักงานโรงงานชาวเมียนมา ป่วยตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. จากนั้นแพร่เชื้อไปยังเพื่อนร่วมห้องและพนักงานคนอื่น โดยมีการตรวจหาเชื้อพนักงานและญาติ 309 ราย พบติดเชื้อ 128 ราย และตรวจเชิงรุกในชุมชนใกล้เคียงอีก 47 ราย พบติดเชื้อ 9 ราย โดยโรงงานดังกล่าวมีพนักงาน 323 ราย ติดเชื้อแล้ว 151 ราย หรือ 46.8% ทั้งนี้ เขตสุขภาพที่ 6 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ สั่งให้ปิดโรงงานแล้วตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.
ยืนยันยาฟาวิพิราเวียร์มีเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม จากการที่มีกระแสข่าวว่ายาฟาวิพิราเวียร์ไม่เพียงพอนั้น ขอยืนยันว่ามีเพียงพอ โดยข้อมูลวันที่ 3 พ.ค. มียาฟาวิพิราเวียร์ คงเหลือ 1.6 ล้านเม็ด และกำลังนำเข้าจากญี่ปุ่นอีก 22 ล้านเม็ด ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว มี 1,106,071 ราย เข็มที่สอง 392,546 ราย
เมื่อถามว่า ผู้ป่วยที่ได้เข้าโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ กทม.แล้วจะได้รับยาต้านยาฟาวิพิราเวียร์ทุกคนใช่หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุมของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเช้าวันที่ 4 พ.ค. ได้หารือกันถึงเรื่องดังกล่าวเนื่องจากมีข่าวออกไปว่าทาง กทม.แจ้งว่าจะให้ยาทุกคน แต่ยังมีข้อสังเกตและข้อห่วงใยอยู่ว่าการได้รับยานี้ส่วนใหญ่จะต้องมีข้อบ่งชี้ ซึ่งจะเหมือนโรคไข้หวัดที่ไม่จำเป็นจะต้องได้รับยาทุกคน บางคนหายเองได้ เพราะฉะนั้น การให้ยาโดยมีข้อบ่งชี้หรือเฉพาะกลุ่มจริงๆ จะทำให้มีความประหยัด ผลการรักษาจะได้ดี และถ้าให้ยามากๆ จะเกิดการดื้อยา เนื่องจากไวรัสมีความสามารถในการแปรเปลี่ยนไปได้มาก มีความห่วงใยในเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น ดังนั้น ในเชิงของการบริหารยาต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์ ที่ประชุมจึงได้ให้กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข ไปดูเรื่องข้อสำคัญของเรื่องดังกล่าวและทบทวนปรึกษากันก่อนที่จะนำเสนอที่ประชุม
ตั้งวอร์รูมแก้โควิด-นายกฯคุมเอง
เมื่อถามถึงผลการประชุม ศบค.นัดพิเศษเมื่อวันที่ 3 พ.ค.มีข้อสรุปอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมสรุปว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อบูรณาการงาน โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ถือเป็นงานใหญ่มากเนื่องจากเกิดการติดเชื้อเกินกว่าครึ่งหนึ่ง จึงต้องมีการยกระดับมาตรการขึ้นโดยจะมีการตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ โควิด-19 กรุงเทพและปริมณฑล โดยมีนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค.เป็นผู้อำนวยการศูนย์นี้ด้วยตัวเอง ในรายละเอียดของการตั้งศูนย์นั้นทาง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. จะเป็นผู้ยกร่างและจะได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีลงนาม
50ผอ.เขตกทม.เป็นหน.ศูนย์ดูแล
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ จะมีการตั้งศูนย์ควบคุมการแพร่ระบาด โควิด-19 ระดับเขต ขึ้นมาด้วยโดยมีผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขตของ กทม.เป็นหัวหน้าศูนย์และรับการถ่ายทอดนโยบายต่างๆ ลงมา ถือเป็นการบูรณาการงานในระดับเขตของ กทม. ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการแบ่งงานไปยังฝ่ายต่างๆ ทั้งฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายตรวจปฏิบัติการเชิงรุก ฝ่ายบริหารจัดการผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยง ฝ่ายบริหารจัดการพื้นที่ ฝ่ายบริหารจัดการการฉีดวัคซีน สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น เนื่องจากจำนวนประชากรใน กทม.มีประมาณ 10 ล้านคนถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องวางแผนอย่างรอบคอบ
ขอกำลังแพทย์อาสาช่วยดูแลผู้ป่วย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เมื่อได้รับบัญชาจาก ผอ.ศบค. แล้ว ทั้ง 50 เขต จะต้องลงพื้นที่พร้อมกัน เพื่อตรวจเชิงรุก แยกกลุ่มป่วยกลุ่มเสี่ยงโดยเร็ว และมีแผนในการดำเนินการต่างๆ ออกมา เพื่อขอความร่วมมือจากประชาชนโดยเร็ว เพื่อนำไปสู่การเข้าไปอยู่โรงพยาบาลสนามที่รองรับผู้ป่วยสีเขียว และโรงพยาบาลสนามที่รองรับผู้ป่วยสีเหลือง ซึ่งในมาตรการต่างๆ เหล่านี้ทางกรมการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขจะต้องกำหนดพื้นที่ สถานที่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ จัดลงไปให้เพียงพอเพื่อดูแลประชาชนนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดขณะนี้คือ พยาบาล แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ ที่ขณะนี้ทุกโรงพยาบาลตึงอย่างเต็มที่ จึงมีการพูดถึงแพทย์อาสา ดังนั้น ขอความกรุณาแพทย์ท่านใด บุคลากรการแพทย์ที่มีจิตอาสาต้องการเข้ามาช่วย หากสามารถเข้ามาช่วยได้ทางกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานครขอให้ขึ้นรายชื่อไว้ที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อรวบรวมสรรพกำลังช่วยกันดูแล ผู้ป่วยหรือผู้ที่ทุกข์ร้อนอยู่ในขณะนี้
ย้ำควรต้องรีบรับการฉีดวัคซีน
เมื่อถามว่า เรื่องการฉีดวัคซีนในชุมชนคลองเตยตอนนี้จะทันหรือไม่ เพราะมีการแพร่ระบาดแล้ว นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อย่างน้อยคนที่ได้รับวัคซีนไปแล้วจะทำให้อาการจากหนักให้ลดน้อยลงได้ และอัตราการเข้าโรงพยาบาลหรืออาการหนักจะได้ลดลง ดังนั้น จะต้องรีบรับการฉีดวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เราได้รับทราบกันว่ายาช่วยทำให้อาการน้อยลง ยืดระยะเวลา และช่วยชีวิตได้ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการฉีดวัคซีนทำไมตัวเลขต่อวันจึงน้อยนั้น นั่นคือข้อมูลที่เป็นจริงเพราะเป็นปลายลอตของซิโนแวค และได้รับทราบว่าเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาลอตใหม่เดินทางมาถึงไทยแล้วอีก 5 แสนโดส เป็นการเพิ่มขึ้นและลดลงตามความต้องการปกติ
นายกฯสั่ง8มาตรการกู้คลองเตย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Prayut Chan-o-cha ว่า กรณีการแพร่ระบาดของโควิดที่เขตคลองเตย ตนได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด โดยมีผู้ติดเชื้อไปแล้วเป็นจำนวนมาก หลายรายอยู่ในชุมชนแออัดที่แพร่ระบาดในครอบครัว และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงบ่ายวันที่ 3 พฤษภาคม จึงได้เรียกประชุมกับทีมแพทย์ที่ปรึกษา กรุงเทพมหานคร รวมทั้ง ศูนย์ปฏิบัติการ ศบค. อย่างเร่งด่วน เพื่อกำหนดมาตรการเพื่อควบคุมสถานการณ์ดังนี้
1.ให้มีการตรวจเชิงรุกในชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างเร่งด่วน ทั้ง 39 ชุมชน เน้นไปที่ที่ 20 ชุมชนที่เกิดการระบาด โดยเร่งตรวจให้ได้อย่างน้อย 1,000-1,500 คนต่อวัน 2.หากพบผู้ติดเชื้อ ให้แยกออกจากชุมชนตามระดับอาการ เขียว เหลือง แดง เพื่อให้ศูนย์เอราวัณส่งตัวต่อเข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลสำหรับกลุ่มนั้นๆ 3.กลุ่มสีแดง หรือกลุ่มติดเชื้อและมีอาการหนัก จะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลของ กทม.ทันที 4.กลุ่มผู้เสี่ยงสูงที่ยังไม่พบว่าติดเชื้อ จะต้องกักตัวในบ้านจนกว่าจะได้รับการแจ้งผล
5.มีการระดมกำลัง 10-20 จุด เพื่อฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด วันละ 1,000-3,000 คน รวมให้ได้อย่างน้อย 50,000 คน ภายใน 2 สัปดาห์ 6.เตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่เพิ่มเติมให้เร็วที่สุด 7.ให้มีการดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วนในการส่งอุปกรณ์ป้องกันโรค อาหาร ยา และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ 8.ให้ทุกเขตใน กทม.เตรียมการเชิงรุก โดยใช้รูปแบบ Model คลองเตยนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคต
หมอยงแนะฉีดวัคซีนจว.สีแดงเข้มก่อน
นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุว่า เกือบทุกประเทศการระบาดของโควิด-19 จะเริ่มจากในเมือง ที่มีประชากรอยู่หนาแน่น แล้วจึงกระจายไปสู่ต่างจังหวัดและอำเภอ ส่วนหมู่บ้านจะกระทบทีหลังสุด ในปัจจุบันทราบดีแล้วว่า การให้วัคซีน นอกจากลดความรุนแรงของโรคแล้ว ยังสามารถลดการแพร่กระจายของโรคลงได้กว่าเท่าตัว
“ในภาวะที่เกิดการระบาดในประเทศไทย ที่เป็นอยู่ขณะนี้ สิ่งที่จะช่วยการระบาดของโรค คือการปูพรมฉีดวัคซีน ให้ในจังหวัดสีแดงเข้มก่อน เพื่อควบคุมการระบาดให้ได้ รวมทั้งกระจายไปยังเมืองใหญ่ก่อน ส่วนเมืองเล็กหรือชนบท ยังสามารถรอได้ เพราะจะมีผลกระทบท้ายสุด การให้แบบหมู่มาก จากเมืองออกไปในทางปฏิบัติสามารถทำได้ง่ายกว่าและทำได้รวดเร็ว เพราะกลุ่มคนอยู่หนาแน่น และมีโรงพยาบาลที่รองรับหรือมีสถานบริการที่จะให้บริการเป็นจำนวนมาก เมื่อสามารถควบคุมโรคได้ การเก็บตกในการให้วัคซีนสามารถทำได้ง่ายกว่าในภาวะที่ไม่มีการระบาดของโรค การเลือกเป้าหมายให้กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยงต่างๆ เป็นวิธีการที่ดี” นพ.ยง กล่าว
หมอระวีจี้ศบค.แจงคนไทยปมฉีดวัคซีน
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุว่า การเปิดจองนัดฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. จนถึงวันนี้ มีจำนวนไม่ถึง 1,000,000 คนจากเป้าหมาย 16,000,000 คน ซึ่งปัญหา คือ มีคนไทยจำนวนมากไม่สมัครใจที่จะฉีดวัคซีน ด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย เช่น กลัวผลแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีน, กังวลว่าวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อได้เพียง 50-70% เท่านั้น และข่าวเฟกนิวส์ ที่ออกมาโจมตีเรื่องผลเสียของวัคซีน ต่างๆ นานา ดังนั้น ศบค.ต้องเร่งอธิบายให้คนไทยเข้าใจโดยด่วน อาทิ การฉีดวัคซีนดีกว่าไม่ฉีดอย่างไร, ความเสี่ยงจากผลแทรกซ้อนมีมากน้อยแค่ไหน, คนที่ไม่ฉีดวัคซีนจะมีความเสี่ยงอย่างไร เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันการติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรงลดลงเหลือไม่ถึง 20%, ป้องกันการติดเชื้อแล้วถึงตายเหลือ 0% รวมทั้ง ถ้าฉีดวัคซีนได้มากกว่า 50% จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ สามารถเปิดประเทศได้เต็มที่
ถกแนวทางให้ยาฟาวิพิราเวียร์5พ.ค.
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 พฤษภาคม เวลา 10.30 น. กทม.มีกำหนดประชุมแนวทางการให้ยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด ที่ศาลาว่าการ กทม.โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสถาบัน เช่น แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้แทนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมด้วยคณะแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาร่วมหารือ เพื่อหาข้อสรุปแนวทางที่เหมาะสมที่สุด
เผยโควิดคลองเตยมาจากทองหล่อ
พล.ต.อ.อัศวิน สรุปข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดพื้นที่เขตคลองเตยในการระบาดระลอกใหม่เดือนเม.ย.64 ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 304 ราย ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีลักษณะที่อยู่อาศัยเป็นแหล่งชุมชนแออัด จำนวน 193รายและผู้พักอาศัยในสถานที่อื่นๆ เช่น คอนโด หอพัก จำนวน 111 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายแรกที่พบในแหล่งชุมชนแออัดในเขตคลองเตย มีอาชีพเป็นพนักงานสถานบันเทิงย่านทองหล่อที่พบผู้ติดเชื้อและมีการแพร่กระจายเชื้อในวงกว้าง นอกจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชนเขตคลองเตยแล้ว กทม.ยังค้นหาเชิงรุกในพื้นที่เขตปทุมวัน ที่ชุมชนเคหะบ่อนไก่ และชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ พบผู้ติดเชื้อ 59ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมในแขวงลุมพินีและปทุมวัน 142ราย
ฉีดวัคซีนให้ชาวคลองเตยวันแรก
วันเดียวกัน ห้างโลตัส ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร เปิดพื้นที่ห้างโลตัส สาขาพระราม 4 เป็นจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนในเขตคลองเตย เริ่มเป็นวันแรก และจะดำเนินการต่อเนื่องเป็นเวลา 10 วัน ซึ่งวัคซีนที่นำมาฉีดเป็นของซิโนแวคและแอสตราเซเนกา ขึ้นอยู่กับอายุของผู้รับวัคซีน โดยบรรยากาศการฉีดวัคซีนในวันแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประชาชนที่มาใช้บริการได้รับบัตรคิวจากประธานชุมชน โดยสำนักงานเขตคลองเตยเป็นผู้บริหารจัดการการแจกบัตรคิวในชุมชน
สำหรับจุดบริการฉีดวัคซีนโลตัส สาขาพระราม 4 มีการจัดการโดยเว้นระยะห่างทางสังคมและจำกัดจำนวนผู้เข้ารอรับวัคซีนในแต่ละครั้ง โดยกระบวนการฉีดวัคซีน ผู้เข้ารับบริการจะถูกตรวจวัดอุณหภูมิก่อนได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่ โดยอุณหภูมิต้องไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส จึงจะได้รับการฉีดวัคซีน จากนั้นทำการตรวจวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก ซักประวัติ และฉีดวัดซีน ต่อมาจะให้นั่งพักเพื่อสังเกตอาการ ก่อนเดินทางกลับ และเพื่ออำนวยความสะดวกให้บุคลากร เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่มาใช้บริการ โลตัส และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้จัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงจาก true มาไว้บริการตลอดระยะเวลาที่มีการฉีดวัคซีนทั้ง 10วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี