ผมเคยเกริ่นให้ฟังไปครั้งหนึ่งแล้วว่า ช่วงนี้เราชาวแอปเตอร์กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมการจัดประชุมคณะมนตรีแอปเตอร์ หรือ APTERR Council ครั้งที่ 9 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าภาพจัด แต่ทว่าเราจำเป็นต้องจัดประชุมผ่านทางวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ เนื่องจากเจ้าโควิดตัวแสบแท้ๆ เลย (นี่บ่นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว) ซึ่งก่อนการประชุมจริงที่กำหนดไว้ในวันที่ 30 มีนาคม เลยต้องมีการนัดหมายเพื่อซักซ้อมก่อนวันจริง โดยกำหนดซ้อมกันทุกประเทศที่เป็นสมาชิก ในวันที่ 29 มีนาคม คือก่อนวันจริงหนึ่งวัน ปรากฏว่า คงเพื่อให้งานซ้อมเป็นไปอย่างเรียบร้อยไม่ขาดตกบกพร่อง ทางประเทศเจ้าภาพ คือ ฟิลิปปินส์ ก็ขอทางพวกเรานัดซ้อมเพื่อซ้อม (ซ้อมกันสองชั้นเลย) กันก่อนเถอะก็เลยต้องมากำหนดซ้อมเพื่อซ้อมล่วงหน้าอีก 2 วัน ก่อนวันซ้อมจริง
ก็ถือเป็นการใส่ใจของผู้บริหาร NFA ของฟิลิปปินส์โดยแท้ ที่วันซ้อมก่อนการทดสอบ ท่านผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน คือ Mrs. Judy Carol L. Dansal หรือเรียกกันสั้นๆคุณจูดี้ คนเดิมเป็นคนที่พวกเราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา เราพบกันหลายครั้ง ตั้งแต่สมัยที่แกยังไม่เกษียณ กล่าวคือ ช่วงที่แกเป็น Deputy Administrator ของ NFA แล้วพออายุครบ 65 ปี ต้องเกษียณจากตำแหน่งประจำ หลังจากนั้นไม่นานแกก็ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าใหญ่ของ NFA ที่เรียกชื่อตำแหน่งว่า Administrator ซึ่งถือเป็นตำแหน่งทางการเมือง เทียบเท่าระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการ เราจึงคุ้นเคยกันดีมาก คราวแกมาประชุมที่กรุงเทพฯ ทีมงานแอปเตอร์ก็ยังเคยพาแกไปเลี้ยงอาหารค่ำ รวมทั้งพาแกช้อปปิ้งตามศูนย์การค้าต่างๆ
คุณจูดี้พร้อมทีมงานอีกสองสามคน โผล่ออกมาทางจอมอนิเตอร์ ทักทาย Say Hi กันก่อนที่จะทำการซักซ้อมการประชุม ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากจะย้ำเกี่ยวกับพิธีการ ขั้นตอนรวมทั้งวาระการประชุม ซึ่งในวันประชุมจริง คุณจูดี้ก็จะต้องเป็นประธานในที่ประชุม สลับกับประธานร่วมหรือ Co-chair ซึ่งในคราวประชุมนี้ คือ ประเทศจีนถึงตรงนี้ ขออนุญาตท่านผู้อ่านเล่าคั่นสลับนิดในเรื่องของประธานร่วม เพราะปกติที่ผ่านมาในการประชุมทั่วไป เรามักพบกับประธานคนเดียว และเมื่อประธานไม่ว่างก็จะมอบหมายรองประธานดำเนินการประชุมแทน แต่ในระบบประธานร่วม หรือ Co-chair นั้น เกิดขึ้นได้ในกรณีที่ประเทศสมาชิกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจน
อย่างในกรณีของแอปเตอร์ ปรากฏว่าสมาชิกมี 2 กลุ่มชัดเจน คือ กลุ่มที่ 1 ประเทศอาเซียน 10 ประเทศ กับกลุ่มที่ 2 คือประเทศบวกสาม ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ดังนั้น (ก็ไม่ทราบว่าใครกำหนดมาก่อน) เวลาประชุมAPTERR Council ก็จะต้องมีประธาน 2 คน ที่เรียกว่า ประธานร่วม คือผู้แทนจากกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 มาทำหน้าที่แล้วแต่จะตกลงกันว่าใครจะนั่งเป็นประธานในวาระไหน ทีนี้ในการทำหน้าที่ประธาน ระเบียบกำหนดให้หมุนเวียนประเทศตามตัวอักษรในแต่ละกลุ่ม ดังนั้น กลุ่มอาเซียนกว่าจะเวียนกลับมาเป็นประธานใช้เวลา 10 ปี ในขณะที่กลุ่มบวกสาม ใช้เวลาเพียง 3 ปี สรุปแล้วประเทศบวกสามก็จะมีโอกาสได้เป็นประธานถี่หน่อย เรื่องประธานร่วมก็เป็นดังนี้แหละครับ
คุณจูดี้ ซักซ้อมกับพวกเราชาวแอปเตอร์อยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เรียบร้อย ตอนท้ายจุดที่เราฝ่ายสำนักเลขานุการเห็นว่าเป็นวาระสำคัญก็บอกย้ำแกไป เพื่อให้ท่านนำการประชุมไปด้วยความราบรื่น เรื่องที่สำคัญในการประชุมนี้ที่ได้เรียนย้ำแก่คุณจูดี้ ก็คือ การต่อเฟส 3 ของการดำเนินงานแอปเตอร์ระหว่างปี 2023-2027 ซึ่งสิ่งจำเป็นที่สุด คือ การบริจาคเงินของประเทศสมาชิกเพื่อเป็นค่าดำเนินงาน เรื่องนี้มันมีความซับซ้อนนิดหน่อย ต้องอาศัยความเข้าใจพอสมควรเนื่องจากเป็นช่วงแก้ไขกฏระเบียบของแอปเตอร์ เผอิญกฏระเบียบที่เรียกว่าความตกลง หรือ Agreement นั้น ยังไม่ได้รับการให้สัตยาบันจากประเทศสมาชิกทั้งหมด ซึ่งก็ถือว่าความตกลงนี้ยังไม่มีผลใช้บังคับ การจะต่อขยายเฟสการบริจาคเงินจึงต้องรอความสมบูรณ์ในการประกาศใช้ความตกลงเสียก่อน จึงต้องมีการถกเถียงในเรื่องนี้ให้ชัดเจน ซึ่งคนที่ร่างความตกลง คือสำนักเลขาธิการอาเซียน ที่ตั้งอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ตอนนี้ก็ได้รับข่าวความยุ่งเหยิงอันนี้ด้วย คงสร้างความปวดหัวให้กับเขาอีกไม่ใช่น้อยเลย เนื่องจากต้องเข้าร่วมประชุมในคราวนี้ด้วยเช่นกัน
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี